Sunday, 27 February 2011

เศรษฐกิจของประเทศอังกฤษ


วันนี้โจอ่านบทความเกี่ยวกับเรื่องเงินเฟ้อของประเทศอังกฤษ

วันที่ ๑๕ ที่ผานมาสำนักงานสถิติแห่งชาติ (ONS: Office for the national statistics) ตีพิมพ์ว่า อัตราเงินเฟ้อในมกราคมปีนี้คือ ๔ เปอร์เซ็นต์ (ดรรชนีราคาผู้บริโภคแพงขึ้น ๔ เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว )
สำหรับธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ ( BOE: Bank of England) เรื่องนี้เป็นเรื่องลำบากเพราะ BOE ต้องรักษาเสถียรภาพดรรนีราคาผู้บริโภคและต้องป้องกันอัตราเงินฝืดกับเงินเฟ้อไม่ให้มากหรือน้อยเกินไป


เป้าหมายของ BOE เกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อคือ ๒.๐ เปอร์เซ็นต์ (รัฐบาลยอมรับ การเปลี่ยนแปลงของอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ระหว่าง ๑ ถึง ๓ เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าอัตราเงินเฟ้อขึ้นหรือลงเกินกว่าอัตราที่ยอมรับ ผู้บริหารของBOE ต้องชี้แจงให้รัฐบาลรู้ว่าทำไมอัตราเงินเฟ้อขึ้นหรือลง ถ้ารัฐบาลคิดว่านโยบายของ BOEไม่ดีและ BOEทำผิด ผู้บริหารของ BOE ต้องลาออก
มีคนบอกว่า BOE จะทำให้อัตราดอกเบิ้ยเงินกู้จาก BOE ให้กับธนาคารเอกชนสูงขี้น เพราะว่าถ้าอัตราดอกเบิ้ยสูงขี้น อัตราดอกเบิ้ยเงินกูจากธนาคารเอกชนถึงผู้บริโภคกับบริษัทก็จะสูงขึ้นด้วย ถ้าการกู้เงินยากขี้นการบริโภคกับการลงทุนในประเทศมักจะลดลง ในกรณีที่อุปสงค์น้อยกว่าอุปทาน ราคาในตลาตมักจะลดลงเพื่อสร้างสมดุลกัน

แต่บทความนี้ชีให้เห็นว่าสำหรับ BOE การ เพิ่มขี้นของอัตราดอกเบิ้ยนั้นทำได้ยากมากเพราะว่าตอนนี้เศรษฐกิจของประเทศ อังกฤษยังไม่ดีและบางคนกลัวว่าการเพิ่มขี้นของอัตราดอกเบิ้ยทำให้เศรษฐกิจ แย่ลง

โจก็ตรวจสอบเกี่ยวอัตราเงินเฟ้อของประเทษอังกฤศตัวเองและคิดว่า BOEไม่ต้องขึ้นอัตราดอกเบิ้ย เพราะว่าตั้งแต่ มกราคมที่ผ่านมารัฐบาลทำให้อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มขึ้นจาก ๑๗.๕ เปอร์เซ็นต์ เป็น ๒๐ เปอร์เซ็นต์ การขึ้นภาษีนี้ทำให้อัตราเงินเฟ้อขึ้นอีก ๑.๖ เปอร์เซ็นต์ ถ้ารัฐบาลยังคงใช่ภาษี ๒๐ เปอร์เช็นต์ตอไป ผลกระทบจากการขึ้นภาษินี้จะหายไปในปี ๒๕๕๕ นอกจากนี้การขึ้นราคาน้ำมันกับอาหารทำให้อัตราเงินเฟ้อขี้นอีก ๐.๖ เปอร์เซ็นต์ แต่ราคาน้ำมันกับรากาอาหารในตลาตโลกกำลังขี้น โจก็เลยคิดว่การขึ้นดอกเบี้ยของ BOE ไม่มีผลที่จะทำให้ราคาลดลงได้ 

เดี๋ยวนี้บางประเทศ (นอกจากญี่ปุ่น) มีปัญหาที่เหมือนกับประเทศอังกฤษคือstagflation (←เศรษฐกิจยังไม่ดีแต่ราคาแพงขี้น)
ประมาณ ๑ เดือนที่แล้วประเทศในตะวันออกกลางมีปัญหามากและปัญหานี้ทำให้ราคาน้ำมันแพงขึ้นมาก โจกลัวว่าราคาเครื่องบินก็แพงขึ้นตาม

<อ่างอิง>
Inflation and Interest rate: Mervyn's dilemma (The Economist Feb 17th 2011)
Inflation report (Bank of England Feb 2011 )

<abstract>
I read an article about economy in UK.
Now BOE (Bank of England) faces very difficult problem : How to prevent inflation without damaging economy.
I don't think that BOE will have to rise policy rate  because main factors of current inflation are VAT rise (from 17.5% to 20.0%) and price rise of crude oil and food. The core CPI excluded tax change effect does not say that  UK is in inflation. 







Saturday, 26 February 2011

ดูหนัง “แอนนากับพราเจ้ากรุงสยาม”

วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์
วันนี้โจดูหนัง “แอนนากับพระเจ้ากรุงสยาม”
หนังเรื่องนี้ซึ่งเกี่ยวกับรัชกาลที่ ๔ กับ พระอาจารย์

รัชกาลที่ ๔ (พระมงกุฎเกล้วเจ้าอยู่หัว) เชิญอาจารย์ผู้หญิงคนอังกฤษ (ชื่อแอนนา)มา เพื่อสอนหลายๆอย่างให้รัชกาลที่ ๕ (พระเจ้าจุฬาลงกรณ์)  

มีคนบอกว่าพระเจ้าจุฬาลงกรณ์เปลี่ยนหลายๆอย่างเช่นระบบการเมือง ระบบการศึกษา เป็นต้น เพราะว่าเขาเรียนกับพระอาจารย์แอนนาและมีความรู้เกี่ยวกับสังคมของต่างประเทศ


โจตกใจมากที่รู้ว่าพระมงกุฎเกล้วเจ้าอยู่หัวมีภรรยามากก่วา ๒๐ คน และมีลูกมากก่วา ๕๐ คน


หลังจากโจดูหนังโจตรวจเกี่ยวกับหนังนี้ในวิกิพิเดียและตกใจมากที่รู้ว่าวัดพระแก้วในหนังนี้ไม่ใช่ของจริง ตอนแรกผู้สร้างอยากจะสร้างที่วัดพระแก้วแต่ไม่ได้รับอนุญาต ในที่สุดเขาสร้างวัดพระแก้วปลอมที่ประเทศมาเลเซีย


ตอนหนังนี้เปิดตัว ตัวเอก (โจดีฟอสเตอร์)อายุ ๓๗ ปีแล้วแต่ดูอายุน้อยกว่าอายุจริง เขาสวยและน่ารักมาก


วิกิพิเดียบอกว่าเรื่องนี้มี อีก ๑ เวอร์ชั่นที่ถูกสร้าง ปี๒๙๙ (แต่ประเทศไทยห้ามไม่ให้ดูหนังนี้เพราะว่าหนังเรื่องนี้ไม่ตรงกับเรื่องจริงและบางคนคิดว่าเสียมารยาท)
อยากจะดูเวอร์ชั่นเก่า

<English version(Abstract)>
I watched the movie "Anna and the King". The story is about Thai king and the British teacher for his children. I am surprised to know that the king had more than 20 wife and more than 50 children. I am also surprised to know that the temple in this movie was not the real one. I heard that this movie has old version which was made 1956.I want to watch the old one.   

Sunday, 20 February 2011

ปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชาเกี่ยวกับปราสาทเขาพระวิหาร

วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์

อาทิตย์นี้โจอ่านบทความเกี่ยวกับปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชาเกี่ยวกับปราสาทเขาพระวิหาร
ตั้งแต่วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ฝ่ายไทยกับกัมพูชาได้ปะทะกัน ทั้ง ๒ ประเทศส่งทหารของตนเข้าไปในเขตแดนที่กำลังมีปัญหากันอยู่

ก่อนอ่านบทความนี้โจไม่รู้ว่าทำไมทั้ง ๒ ประเทศเถียงเกี่ยวกับปราสาทเขาพระวิหาร บทความนี้บอกว่า พ..๒๕๐๕ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชาแต่ไม่ตัดสินว่าแผ่นดินที่อยู่รอบๆปราสาทเขาพระวิหารเป็นของประเทศไหน ดั้งนั้นตอนนี้ ๒ ประเทศจึงถกเถียงกัน


..๒๕๕๑ประเทศกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารให้เป็นมรดกโลก ตอนแรกรัฐบาลไทยดูเหมือนจะยอมรับและสนับสนุนการขี้นทะเบียนครั้งนี้ แต่ตอนนี้รัฐบาลไทยไม่ยอมแล้ว (บางคนบอกว่าเป็นแพราะนายกเก่าทักษิณยอมรับการขึ้นทะเบียน แต่กลุ่มที่ไม่ชอบเขาและไม่ยอมรับการขึ้นทะเบียนครั้งนี้ก็มี เลนยกประเด็นนี้มาอีกครั้ง )


บทความนี้ไม่บอกว่าประเทศไหนถูกหรือผิดแต่ชี้ให้เห็นว่าปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชานี้แสดงให้รู้ว่า อาเซียน(สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้)ไม่มีอำนาจในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นภายในอาเซียน
บางคนบอกว่าฝ่ายประเทศไทยคิดว่าปัญหานี้เป็นปัญหาระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชาเท่านันและไม่อยากให้ประเทศอื่นเข้ามาร่วมแก้ปัญหานี้ แต่ประเทศกัมพูชากลับอยากให้ประเทศอื่นรวมแก้ปัญหาด้วย ซึ่งไม่ใช่อาเซียนแต่เป็นสหประชาชาติที่อยากจะให้มาเข้าร่วมแก้ปัญหา 
 
นักเขียนบทความนี้บอกว่าถ้าเราทบทวนประวัติศาสตร์ของอาเซียนอีกครั้ง เราจะเข้าใจว่าทำไมอาเซียนไม่มีอำนาจที่จะแก้ไขปัญหา ตอนแรกอาเซียนถูกก่อตั้งพื่อต่อต้านคอมมิวนิสต์ แต่หลังจากสงครามในประเทศเวียดนามเสร็จสิ้นแล้ว อาเซียนยอมให้หลายประเทศเข้าร่วม เช่นประเทศเวียดนามกับลาวเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ ประเทศพม่าเป็นประเทศเผด็จการทหาร เป็นต้น แต่ความคิดกับระบบการเมืองของประเทศใหม่ที่มาเข้าร่วมนั้นไม่เหมือนกับประเทศอื่น ดังนั้นจึงต้องมีการออกระเบียบใหม่ซึ่งยากขี้นและทำให้การตัดสินใจในเรื่องต่างๆก็ยากขี้นด้วย


บทความนี้บอกว่า ตอนนี้ ”นิ่งเฉย” คือ ปฏิกิริยาตอบรับปกติของอาเซียน
จริงๆแล้วบางคนในอาเซียนอยากจะเปลี่ยนสถนการณ์นี้ นักเขียนบอกว่าอาเซียนกำลังวางแผนที่จะจัดฟุตบอลโลกที่๒๕๗๓เพื่อประสานความสัมพันธ์ภายในอาเซียน

หลังจากโจอ่านบทความนี้โจไม่ค่อยเข้าใจว่าอะไรเป็นข้อดีของการเข้าร่วมอาเซียน
สำหรับนักวิจัยเศรษฐกิจอย่างโจ อยากให้อาเซียนมีสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจที่รวบรวมข้อมูลของอาเซียนและวิจัยข้อมูลเพื่อให้ข้อมูลที่ได้นันเป็นหนั่งเดียวและแม่นยำมากขึ้น
เฮ้อออออออออออ เขียนเรื่องเกี่ยวกับการเมืองโดยใช่ภาษาไทยยากมาก

<ประวัติศาสตร์ของอาเซียน>
..๒๕๐๔:เริ่มโดย ประเทศไทย มาเลเชีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และ พิลิปปินส์
..๒๕๒๗:ประเทศบรูไนเข้าร่วมเป็นสมาชิก
..๒๕๒๘:ประเทศเวียดนามเข้าร่วมเป็นสมาชิก
..๒๕๔๐:ประเทศลาว กับ พม่าเข้าร่วมเป็นสมาชิก
..๒๕๔๒:ประเทศกัมพูชาเข้าร่วมเป็นสมาชิก


<อ้างอิง>
Thai-Cambodian conflict:Temple trouble (The Economist Feb 10th 2011)
Banyan:Loose stalks posing as a sheaf (The Economist Feb 10th 2011)


<English version (abstract) >
I read articles about the conflict between Thailand and Cambodia in this week.
The articles explain the historical background of this conflict and history of ASEAN. The writer points out that this conflict shows that ASEAN does not have enough power to settle the situation and further efforts to regional integration are needed.
I recommend that ASEAN would set up the department like Eurostat to create statistics which are based on the same definition. It would contribute to the regional integration.





Friday, 18 February 2011

การไปทำบุญ

วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์

อาทิตย์นี้โจไปทำบุญที่ "อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ" ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดจันทบุรีมา

โจได้ยินว่าตั้งแต่ตรุษจีนถึงมีนาคมคนไทยไปทำบุญที่นั่นเยอะ
 สำหรับโจแล้วไปทำบุญครั้งนี้เป็นครั้งแรกและมีหลายๆอย่างที่ทำให้โจรูสึกตกใจ ตอนแรกโจไม่รู้ว่าจะทำบุญยังไง โจก็เลยดูที่คนอื่นทำบุญก่อน ในที่สุดก็เข้าใจว่าปกติเวลาทำบุญคนไทยใช้เทียน ๑ เล่ม ธูป ๓ ดอก และดอกไม้ ๒ กำ (แต่ดูเหมือนว่า จำนวนธูปขึ้นอยู่กับแต่ละที่ที่ทำบุญ)


ที่ยอดเขามีพระบรมรูปของพระเจ้าตากสินและโจรู้สึกดีใจมากที่โจรู้ว่าเขาเป็นใครและทำไมพระบรมรูปอยู่ที่นี่ เดี๋ยวนี้โจอ่านหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทย หนังสือบอกว่าหลังจากพระเจ้าตากสินหนีจากสงครามในเมืองตาก เขาเคยอยู่ที่จังหวัดจันทบุรีมาก่อน โจรู้สึกว่าความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทยทำให้การไปเที่ยวไทยนั้นสนุกมากขึ้น

 
คราวหน้าโจอยากไปเที่ยวโขงเจียมหรือศรีสะเกษเพราะว่าตอนโจอยู่ในเครื่องบินโจอ่านหนังสือเกี่ยวกับการไปเที่ยวในภาคอีสานและรู้สึกว่าไปเที่ยวที่นั่นน่าสนุก ถ้าจะไปเที่ยวศรีสะเกษโจอยากจะไปเที่ยวที่ปราสาทเขาพระวิหารกับผามออีแดง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าไปเที่ยวที่นั่นอันตรายมาก

Saturday, 5 February 2011

ดูหนัง “วอลล์สตรีต”

วันที่ 31มกราคม
วันนี้โจดูหนัง “วอลล์สตรีต” กับเพื่อน เราสนใจหนังนี้เพราะว่าตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ “วอลล์สตรีต2”จะเปิดตัว หนังเรื่องนี้ซึ่งเกี่ยวกับนักลงทุนที่มีความโลภ

โจประทับใจที่ผู้ถือหุ้นบอกว่า
ผมคิดว่ามีความโลภมากก็เป็นเรื่องดี ถึงแม้คุณมีความโลภก็จะรู้สึกสบายใจ”
(I think greed is healthy. You can be greedy and still feel good about yourself)
เขาบอกว่าทุกคนมีความอยากได้ เช่นความอยากรู้อยากเห็น ความอยากมีทรัพย์สิน อยากสบาย เป็นต้น ความรู้สึกอย่างนี้มักจะทำให้ประเทศพัฒนา (แต่ตัวเอกทำผิดกฏหมายและสุดท้ายถูกจับกุม )
โจรู้สึกว่าความหมายแฝงของหนังนี้คล้ายกับHagetaka (ดราม่าเกี่ยวกับกองทุนเฮ็ดจ์ฟันด์ของญี่ปุ่น) เพราะ ทั้ง2เรื่องทำให้โจคิดว่ามีความโลภกเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี

อยากจะไปดู“วอลล์สตรีต2”