Sunday 27 May 2018

Moonshot Thinking


เมื่อวานนี้โจเข้าร่วมสัมมนาที่ไม่ค่อยเกี่ยวกับเศรษฐกิจมหภาคโดยตรง (โจตั้งใจเข้าร่วมสัมนานี้เพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ)  หัวข้อของสัมมนานี้คือ “AI(Artificial Intelligence)  จะสามารถช่วยการบรรลุ SDGs (Sustainable Development Goals เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน) ของสหประชาชาติได้อย่างไรโจยังไม่สามารถเข้าใจบางเรื่องได้เพราะว่าตัวเองไม่มีความรู้เกี่ยวกับด้านเทคโนโลยีแต่ก็สนุกดีที่ได้ฟังเรื่องด้านอื่น สิ่งที่โจรู้สึกสนใจในสัมมนานี้คือ ความสำคัญของ Moonshot Thinking (ต้นแบบของการคิดแบบนอกกรอบ) 
https://www.hd-wallpapersdownload.com/hd-beautiful-images-of-moon-and-stars/
ผู้นำเสนอบอกว่าคนญี่ปุ่นมักจะคิดว่าเราจะสามารถทำอะไรได้โดยคำนึงถึงความเร็วในการพัฒนาทคโนโลยี AI ในปัจจุบัน ดังนั้นเป้าหมายที่เราตั้งจึงขึ้นอยู่กับสถานการณ์ปัจจุบัน  แต่บางครั้งเพื่อที่จะมีความคิดใหม่ดเราควรตั้งป้าหมายก่อนที่จะเริ่มคิดวิธีบรรลุเป้าหมาย (ตั้งเป้าหมายโดยไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้) การคิดแบบนี้อาจจะสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ๆได้ (ชื่อต้นแบบของวิธีคิดนี้มาจากโครงการการปล่อยกระสวยอวกาศที่ไปดวงจันทร์ ของอเมริกาเมื่อประมาณ 50 ปีที่แล้ว) และวิธีคิดแบบนี้จำเป็นสำหรับบริษัทที่อยากจะสร้างนวัตกรรม (Larry Page, CEO ของบริษัท Google ก็เคยพูดว่า “If you're not doing some things that are crazy, then you're doing the wrong things” (ถ้าคุณไม่ทำอะไรที่ดูบ้าๆ แสดงว่าคุณกำลังทำผิด) 
https://www.investigatingsciences.com/googles-founder-has-these-tips-for-you/
โจรู้สึกว่าคนอินเดียอาจจะเหมาะสมกับ Moonshot Thinking (เช่นพวกเขามีเป้าหมายที่จะหยุดการขายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันก่อน ปี 2030) แต่อาจจะเป้าหมายของพวกเขาใหญ่มากไป (ดูเหมือนว่าพวกเขาอยากจะลองไปดวงพฤหัสบดี มากกว่าดวงพระจันทร์) ประมาณ 4 เดือนที่แล้ว รัฐบาลอินเดียปรับเปลี่ยนเป้าหมายและประกาศว่าจะใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมันต่อไปหลังปี 
http://incrediblethingworlds.blogspot.jp/2016/01/all-about-incredible-india.html
2030 โจชอบวิธีคิดแบบนี้และทำให้นึกถึง 10th man rule (กฎของคนที่ 10)โจไม่รู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่แ แต่ โจได้รู้เรื่องนี้ในภาคหนังชื่อ “World War Z”ดูเหมือนว่ารัฐบาลประเทศอิสราเอลเริ่มใช้กฎนี้หลังจากสงครามยมคิปปูร์ของปี 1978 วันยมคิปปูร์ เป็นวันหยุดพิเศษทางศาสนายูดาสและนักการเมืองของรัฐบาลทุกคนคิดว่า ประเทศอียิปต์กับซีเรียจะไม่เริ่มโจมตีประเทศอิสราเอลในวันนั้น แต่สงครามกลับเริ่มวันนั้นและคนอิสราเอลหลายคนเสียชีวิต หลังจากนั้นรัฐบาลเริ่มใช้กฎนี้  ในหนัง คนที่ 10บอกว่า If nine of us look at the same information and arrive at the exact same conclusion, it's the duty of the tenth man to disagree. No matter how improbable it may seem, the tenth man has to start thinking with the assumption that the other nine were wrong” (ถ้า 9 ใน 10 คนพิจารณาข้อมูลเดียวกันและได้ข้อสรุปเดียวกัน คนที่ 10 จะต้องไม่เห็นด้วย แม้ว่าจะดูไม่น่าจะเป็นแบบนั้น แต่คนที่ 10 จะต้องเริ่มคิดโดยคิดว่า 9 คนนั้นคิดผิด)
https://ja.wikipedia.org/wiki/Think_different
อยากจะรู้ว่าเรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่


Saturday 26 May 2018

การขาดดุลการค้าของอินเดียต่อจีน


อาทิตย์นี้โจวิเคราะห์เกี่ยวกับการขาดดุลการค้าของอีนเดียต่อจีน ตั้งแต่นาย ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ความสนใจเกี่ยวกับการเกินดุลการค้าของจีนก็เพิ่มขึ้น สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่จีนเกินดุลการค้ามากที่สุดในโลก แต่การเกินดุลการค้าต่ออินเดียก็กำลังเพิ่มขี้นเช่นเดียวกัน (ยกเว้นฮ่องกง การเกินดุลการค้าต่ออินเดียมีมากที่สุดในเอเซีย) และอินเดียก็รู้สึกว่าจะต้องแข้ไกปัญหานี้เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่มาจากช่องว่างของความไม่สมดุลที่กำลังกขยายตัวมากขึ้น
โจตรวจสอบว่าอะไรทำให้การนำเข้าจากจีนของอินเดียเพิ่มโดยเช็คสถิติโดยละเอียดและสังเกตเห็นว่า Smartphone เป็นปัจจัยที่สำคัญมากที่สุด รู้สึกตกใจที่รู้ว่า Smartphone ยี่ห้อจีน (เช่น  Xiaomi, OPPO, Vivo, Lenovo,และ Huawei) มีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 50  เปอร์เซ็นต์ และ Samsung มีส่วนแบ่งการตลาดราวๆ 25 เปอร์เซ็นต์ส่วน Apple ต่ำกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ (อาจจะเพราะว่าคนอินเดียนิยมใช้ Smartphone ที่ราคาถูกๆ )
เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าอินเดียจำเป็นต้องผลิต Smartphone ในประเทศ (หรือจะนำเข้าจากประเทศอื่น) เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดดุลการค้าต่อจีน 
https://www.idc.com/getdoc.jsp?containerId=prAP43569518

ดูเหมือนว่าบริษัทจีนที่ผลิต Smartphone หลายบริษัทเริ่มสร้างโรงงานที่อินเดียเพื่อเพิ่มยอดขายในอินเดียและมีความตั้งใจที่จะส่งออกไปทวีปแอฟริกา แต่โจไม่แน่ใจว่าการเพิ่มการผลิต Smartphone ในอินเดียจะช่วยการแก้ไขปัญหาแค่ไหน เพราะว่าโรงงานที่อยู่ที่อินเดียส่วนใหญ่เป็นการประกอบชิ้นส่วน (Assembling)เท่านั้น และ ชิ้นส่วนส่วนใหญ่ยังมาจากจีน  ในอนาคตการผลิตของชิ้นส่วนก็อาจจะเพิ่มขึ้นตามการเพิ่มตามการลงทุนจากจีน แต่โจคิดว่าอย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์ของชิ้นส่วนยังจำเป็นต้องนำเข้าจากจีนต่อไป เพราะว่าบริษัทญี่ปุ่นที่มีโรงงานผลิตที่จีนหรือไทยก็พยายามเพิ่มการลงทุนมามากกว่า ๒๐ ปี  แต่ 30-40 เปอร์เซ็นต์ของชิ้นส่วนยังมาจากมากการนำเข้า โจจึงคิดว่าหากไม่มีการลดลงของค่าเงินรูปีต่อเงินหยวนของจีน การจะปรับเปลี่ยนความไม่สมดุลการค้าระหว่างอินเดียกับจีนก็คงเป็นเรื่องยุ่งยากต่อไป

Saturday 12 May 2018

การเลือกตั้งของประเทศมาเลเซีย


เดี๋ยวนี้โจไม่ค่อยมีโอกาสได้วิเคราะเกี่ยวกับการเมืองของประเทศมาเลเซีย แต่เมื่อวานนี้โจรู้สึกตกใจมากที่รู้ว่าพรรคฝ่ายค้านชนะในการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อราวๆ ๒ ปีที่แล้ว โจเขียนรายงานเกี่ยวกับการเมืองของประเทศนี้ โจคิดว่าแม้ว่าจะมีปัญหาคอรัปชั่นมาก พรรครัฐบาลก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยและนาย นาจิบ คงจะเป็นนายกต่อไป (รัฐบาลไม่เคยเปลี่ยนตั้งแต่ประเทศมาเลเซียเป็นอิสระจากอังกฤษ) นาย มหาเธร์ อายุ 92 ปีกลับมาจากการเกษียณกลายเป็นนายกคนใหม่ โจไม่ค่อยรู้ว่านโยบายทางเศรษฐกิจจะเปลี่ยนเป็นอย่างไรและการมีนายกที่อายุสูงมากเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ แต่รู้สึกประทับใจกับความทะเยอทะยานของเขา โจจำได้ว่าเพื่อนคนมาเลเซียเคยพูดให้กำลังใจโจโดยพูดถึง นาย มหาเธร์ เขาบอกว่า “ดูนายมหาเธร์สิ เขาสร้างพรรคใหม่ตอนอายุ 90 ปี และยังมีเป้าหมายที่จะเป็นนายกอีกครั้งด้วย อาจจะไม่มีอะไรสายเกินไปและไม่มีใครแก่เกินไปที่จะเริ่มสิ่งใหม่ “ตอนนั้นโจรู้สึกตลกเพราะว่าโจรู้ว่าเพื่อนล้อเล่น (เรา ๒ คนคิดว่าโอกาสที่นายมหาเธร์จะเสียชีวิตยังมีมากกว่าโอกาสที่จะได้เป็นนายก) โจจึงรู้สึกตกใจที่รู้ว่าคำพูดของเขากลายเป็นความจริง
http://escapeadulthood.com/blog/2012-11-15/youre-never-too-old.html
นอกจากประเทศมาเลเซียแล้ว ประเทศสิงคโปร์ก็ยังไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงพรรครัฐบาลและหลายคนคิดว่าสถานการณ์นี้จะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ แต่ผลการเลือกตั้งของมาเลเซียครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าสิงคโปร์ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเปลี่ยนรัฐบาลในอนาคตด้วย การเมืองของมาเลเซียก็อาจจะมีการเปลี่ยนอีกในอนาคตอันใกล้เพราะว่านายกมหาเธร์ก็อายุมากแล้ว รู้สึกว่าสุภาษิตสี่ตัวอักษรของภาษาญี่ปุ่น諸行無常 (ทุกสิ่งบนโลกนี้ล้วนเป็นอนิจจัง) 盛者必衰 (ความรุ่งเรืองจะต้องตกต่ำลง) และ生老病死 (เกิดแก่เจ็บตาย) เป็นเรื่องจริง
https://kanichi.jp/cache/img/jpg/w_h/1fc2a4035affbd4e7432e7471356830baf01655d_jpg.jpg


Saturday 5 May 2018

เริ่มเขียนรายงานใหม่


โจเริ่มเขียนรายงานใหม่  กำลังคิดอยู่ว่าจะเขียนรายงานสั้นๆภายใน ๑-๒ เดือน และหลังจากนั้น อาจจะไปทำงานที่กรุงเทพเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและความคิดเห็นกับนักวิจัยหรือนักวิชาการเฉพาะทาง จากนั้นจะเพิ่มเนื้อหารายงานและเขียนให้เสร็จราวๆเดือนกันยายนหรือตุลาคม จริงๆแล้วถ้ารีบเขียนอาจจะสามารถเขียนให้เสร็จได้ราวๆเดือนกรกฎาคมได้ แต่ปีงบประมาณนี้โจตัดสินใจแล้วว่าตัวเองจะตั้งใจใช้เวลาในการเขียนรายงานให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มคุณภาพของรายงาน  
http://www.9pyinfo.com/en/exchange/
ครั้งนี้โจตั้งใจจะเขียนรายงานเกี่ยวกับเพื่อที่จะอธิบายอธิบายสถานการณ์ทางการเงินโดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ ในรายงานนี้โจจะนำเสนอหลายหัวข้อเช่น การลดลงของจำนวนสาขาที่เกี่ยวกับธุรกรรมการเงินแบบดิจิตอล นโยบายตัวแทนธนาคาร แรงจูงใจทางภาษีสำหรับการควบธนาคาร เป็นต้น (ยังไม่มีรายงานภาษาญี่ปุ่นที่อธิบายหัวข้อเหล่านี้) นอกจากนี้แล้วอยากจะเขียนผลกระทบต่อเศรษฐกิจมหาภาคด้วย 
สำหรับเรื่องเกี่ยวกับธุรกรรมการเงินแบบดิจิตอลกับการลดลงของจำนวนสาขา โจรู้ว่าหลายธนาคารมีแผนที่จะยุบสาขาต่อไป โดยใช้ AI เข้ามาแทนที่ (เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ประกาศว่าจะลดจำนวนสาขาลงถึงราวๆ 400 จาก 1,100 ภายใน 3 ปี )  แต่ยังไม่แน่ใจว่าจำนวนสาขาจะลดลงเหมือนที่ธนาคารคาดการณ์เอาไว้หรือไม่เพราะว่าประเทศไทยขาดวิศวกร AI (มีบทความที่ชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยจะต้องเพิ่มจำนวนวิศวกร AI ปีละ 10,000 คน แต่ตอนนี้ในประเทศมีแค่ราวๆ 2,000 คนเท่านั้น ) ดูเหมือนว่ามีหลายมหาวิทยาลัยพยายามเพิ่มจำนวนนักศึกษาที่เรียน AI นอกจากนี้แล้วประเทศไทยพยายามที่จะรับคนต่างชาติที่มีความสามารถด้าน AI แต่ไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะนิยมไปทำงานที่ประเทศไทยหรือไม่ เพราะว่านอกจากประเทศไทยแล้วก็ยังมีหลายประเทศร่วมญี่ปุ่นก็พยายามรับพวกเขาด้วย มีหลายข้อมูลที่จะต้องเช็คเพื่อเขียนรายงานนี้