Saturday 31 March 2018

นโยบายการเงินของประเทศไทย


อาทิตย์นี้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินและเสนอให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ 1.5 เปอร์เซ็นต์ต่อไป โจไม่รู้สึกตกใจกับผลการประชุมนี้เลย แต่รู้สึกสนใจที่ได้รู้ว่ามีกรรมการคนหนึ่งแนะนำให้เพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายนี้ เขาเห็นว่าภาวะการเงินตอนนี้ที่ผ่อนคลายต่อเนื่องเป็นเวลานานมาก ถ้าสถานการณ์นี้จะดำเนินต่อไปอีก อาจจะส่งผลให้ประชานประเมินความเสี่ยงของภาวะการเงินในอนาคตต่ำกว่าที่ควร

โจก็รู้ว่าความเสี่ยงด้านภาวะการเงินของประเทศกำลังพัฒนารวมถึงประเทศไทยค่อยๆเพิ่มขึ้นอยู่ เพราะว่าสหรัฐอเมริกากำลังจะปรับอัตราดอกเบี้ยให้สู่งขึ้น และมีความเป็นไปได้ที่การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของสหรัฐอเมริกาจะส่งผลทำให้ค่าเงินของเอเชียลดลงและทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นมากไปเพื่อป้องกันผลเสียที่อาจจะส่งผลต่อเศรษฐกิจที่มาจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายของสหรัฐอเมริกา บางประเทศที่อัตราแลกเปลี่ยนไม่แข็งและอัตราเงินเฟ้อสู่งอยู่แล้ว (เช่น ประเทศฟิลิปปินส์ กับ มาเลเซีย เป็นต้น)อาจจะตามกระแสนโยบายการเงินของสหรัฐอเมริกา แต่โจไม่เห็นความจำเป็นที่ธนาคารแห่งชาติจะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพราะว่าอัตราเงินเฟ้อต่ำกว่าเป้าหมายของธนาคารแห่งชาติอยู่แล้ว และ ค่าเงินบาทต่อดอลล่าร์ก็ยังแข็ง ถ้าธปท.จะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยให้สูงกว่าตอนนี้ โจรู้สึกสงสัยว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงต่ำกว่า 1 เปอร์เซ็นต์และจะส่งผลเสียให้รูปแบบอื่นต่อเศรษฐกิจหรือไม่ เรื่องนี้ทำให้โจนึกถึงนักวิจัยเศรษฐกิจที่โจเจอเดือนที่แล้วที่ชี้ให้เห็นว่าธปท.จะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายภายใน ปีนี้ 
โจอยากจะศึกษาว่าปัจจัยอะไรทำให้บางคนคิดว่าธปท.จะปรับเปลี่ยนนโยบายเพื่ออัตราดอกเบี้ย

Sunday 25 March 2018

หนังสือเกี่ยวกับประเทศไทย


อาทิตย์นี้โจอ่านหนังสือเกี่ยวกับประเทศไทย 2 เล่ม เล่มหนึ่งคือ “เจ้าสัวเชื้อสายจีนที่สร้างประเทศไทย” หนังสือนี้มาจาก “ชีวิตเจ้าสัว 55 ตระกูลดัง ”ของ ธนวัฒน์ ทรัพย์ไพบูลย์ หนังสือเล่มนี้แนะนำการพัฒนาธุรกิจของเจ้าสัวที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือเก่าที่ตีพิมพ์มาราวๆ 15 ปีที่แล้ว แต่ทำให้โจเข้าใจประวัติศาสตร์ทางการพัฒนาธุรกิจไทยให้ลึกไปอีก โจรู้สึกประทับใจกับความเป็นผู้ประกอบการของพวกเขา 
อีกหนึ่งเล่ม ชื่อ “ความร่วมมือระหวังประเทศ-สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง”  หนังสือนี้แนะนำประวัติศาสตร์ทางการพัฒนาของ “สจล” และอธิบายว่าทำไมรัฐบาลญี่ปุ่นถึงตั้งใจช่วยพัฒนาของมหาวิทยาลัยนี้ โจได้รู้ว่าผู้บริหารสูงสุดของ NTT (สมัยก่อน บริษัทนี้เป็นรัฐวิสาหกิจ) กับ มหาวิทยาลัย Tokai (คนที่สร้างมหาวิทยาลัยนี้เป็นรุ่นน้องของผู้บริหารสูงสุดของ NTT สมัยที่พวกเขาทำงานที่รัฐบาล) พวกเขาพยายามช่วยพัฒนาสจล. ดูเหมือนว่าความร่วมมือของรัฐบาลญี่ปุ่นมีความเกี่ยวข้องกับค่าปฏิกรรมสงคราม โจรู้ว่านักศึกษาของ สจล.  หลายคนมาเรียนที่ญี่ปุ่นโดยเฉพาะที่ Tokyo Institute of Technology แต่ไม่ได้รู้ว่ามหาวิทยาลัย Tokai เป็นมหาวิทยาลัยแรกที่รับนักศึกษาคนไทย
ดูเหมือนว่าจำนวนผู้อ่านหนังสือเกี่ยวกับประเทศไทยมีไม่มาก ทั้ง ๒ เล่มหยุดตีพิมพ์แล้ว ครั้งนี้โจจึงต้องหาหนังสือมือสองในอินเทอร์เน็ต รู้สึกว่าหลังจาก บริษัท amazon เริ่มซื้อขายหนังสือมือสองราวๆ ๓ ปีที่แล้ว ทำให้การหาหนังสือเก่าที่เลิกตีพิมพ์แล้วง่ายขึ้นมาก

Saturday 17 March 2018

ซีรีส์ Unnatural


ตอนที่โจฟังเพลงใน Youtube โจได้มีโอกาสฟังเพลงของซีรีส์เรื่องหนึ่งโดยบังเอิญ ตอนแรกโจรู้สึกสนใจแค่เพลงนี้ แต่ไม่รู้ว่าทำไม หลายคน (พวกเขาอาจจะเป็น Youtuber) คัฟเวอร์เพลงนี้         แต่หลังจากฟังเพลงนี้หลายครั้ง โจค่อยๆเริ่มรู้สึกสนใจกับซีรีส์นี้ขึ้นมาด้วย เพราะว่ามีหลายๆคนโพสต์ความคิดเห็นที่ดีมากต่อซีรีส์นี้
ชีรีส์นี้ชื่อ Unnatural เรื่องเกี่ยวกับการตายโดยผิดธรรมชาติกับหมอที่มีหน้าที่รับผิดชอบกับการชันสูตรพลิกศพ ดูเหมือนว่าเมื่อเปรียยบเทียบกับประเทศอื่น ประเทศญี่ปุ่นไม่ค่อยตรวจสอบการตายที่ผิดธรรมชาติโดยการผ่าตัด เพราะว่าจำนวนหมอไม่เพียงพอ นอกจากนี้แล้ว ครอบครัวของผู้เสียชีวิตไม่อยากให้ผู้เสียชีวิตถูกผ่าตัด (แม้ว่าจะหาสาเหตุการเสียชีวิตได้ แต่ก็ไม่ช่วยให้เค้ากลับมาอยู่ดี แถมยังดูน่าสงสารด้วย)  สถิติเกี่ยวกับการตายโดยผิดธรรมชาติ ราวๆ ๙๐ เปอร์เซ็นต์ หมอตรวจสอบแค่ร่างกายภายนอกและ เพียงแค่ ๑๐ เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ได้ทูกผ่าตัด
http://www.tbs.co.jp/unnatural2018/

โจก็เข้าใจความรู้สึกของครอบครัวผู้เสียชีวิต แต่ก็เข้าใจว่าการตรวจสอบการตายที่ผิดธรรมชาติให้ละเอียดก็สำคัญเพราะว่ามีความเป็นไปได้ที่เขา/เธอถูกฆาตกรรม หรือ การตายที่เกี่ยวกับโรคใหม่ๆ ถ้าเราสามารถรู้สาเหตุจริงของการตายโดยผิดธรรมชาติ เราอาจะสามารถป้องกันการฆาตกรรมกับโรคใหม่ๆได้
ในตอนนี้ยังไม่มีจริง แต่ในซีรีส์นี้รัฐบาลสร้างสำนักงานพิเศษที่มุ่งเน้นการชันสูตรพลิกศพของการตายโดยผิดธรรมชาติ โจดูซีรีส์นี้จบแล้วและก็รู้สึกว่าซีรีส์นี้ก็สนุกดีเหมือนหลายคนบอก คิดว่าเนื้อเพลงก็เหมาะสมกับชีรีส์นี้มากและทำให้ชีรีส์นี้ยังดีขึ้นไปอีก (โจพึ่งได้รู้จักนักร้อง Yonezu Kenshi แต่ดูเหมือนว่าปัจจุบันนี้เขามีชื่อเสียงมากแล้ว) ไม่รู้ว่ามีซับไตเติ้ลSubtitle ภาษาไทยหรือไม่ แต่อยากจะรู้ว่าชีรีส์กับเพลงนี้ก็ถูกใจคนไทยหรือไม่ด้วย



Saturday 10 March 2018

ความฝันแปลกๆ


ราวๆ ๒-๓ อาทิตย์ที่แล้ว โจมีความฝันแปลกๆที่อาจจะเป็นอุปมานเกี่ยวกับวิถีชีวิตของตัวเองในความฝัน โจเดินเล่นอยู่แถวๆบริษัทหลังจากทานอาหารกลางวัน และสังเกตเห็นว่ามีกลุ่มคนหลายคนร่วมทั้งเพื่อนร่วมงานเดินไปทางเดียวกันโดยใส่ชุดกีฬา โจจึงถามพวกเขาว่าจะไปไหนกันและได้รู้ว่ามีการแข่งขันครั้งใหญ่ (อาจจะเป็น ฟุตบอล) กำลังจะเริ่มและพวกเขากำลังจะไปดูสนามกีฬากลางแจ้งเพราะว่าโจไม่ค่อยรู้สึกสนใจกับกีฬานี้ โจจึงกลับไปออฟฟิศเพื่อทำงานต่อไป  แต่เมื่อกลับออฟฟิศ โจรู้สึกตกใจที่รู้ว่าทุกคนไปดูการแข่งขันนี้ และโจเป็นคนเดี๋ยวที่อยู่ที่ออฟฟิศ  
โจรู้สึกสงสัยว่าทุกคนไปดูการแข่งกันนี้เพราะว่าทุกคนชอบกีฬานั้นจริงๆหรือเพียงเพราะว่าคนส่วนใหญ่ไปดูและไม่อยากจะเป็นคนส่วนน้อย อย่างไรก็ตาม โจตัดสินใจว่าจะทำงานต่อไปเพราะว่ายังไม่รู้สึกสนใจกับการแข่งขันนี้และไม่อยากจะตามคนอื่นโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน โจรู้สึกพอใจกับความเงียบสงบของออฟฟิศแต่ในขณะเดียวกันก็ค่อยๆเริ่มรู้สึกเหงาที่อยู่ออฟฟิศคนเดียวและรู้สึกโมโหกับตัวเองที่เป็นคนอ่อนไหว และในตอนนั้นโจก็ตื่นนอน
http://cephuscorner.jadedragononline.com/ever-weird-dream/
ความฝันนี้ทำให้โจนึกถึง คำพูดของผู้กํากับเวทีที่มีชื่อเสียง ก่อนเขาจะประสบความได้สำเร็จ เขาก็รู้สึกเหงาและกังวลกับวิถีชีวิตที่เขาเลือกเพราะว่าไม่มีใครเห็นด้วยหรือสนับสนุนเขา แต่เขาก็เลือกที่จะเชื่อตนเองต่อไป
(อาจจะเพื่อให้กำลังใจตัวเองด้วย) ขณะที่เขาเดินเล่นกับลูกสาว เขามักจะบอกลูกสาวว่า แม้ว่าทุกคนจะเลือกไปทางขวาและหนูเป็นคนเดียวที่เลือกไปทางซ้าย หนูจะไปทางซ้ายก็ได้ ถ้าหนูเชื่อว่าทางนี้เป็นทางที่ถูกจริงๆ) และเมื่อเวลาผ่านไปลูกสาวของเขาก็เป็นนักถ่ายรูปที่มีชื่อเสียง หวังว่าโจจะสามารถเป็นผู้กํากับเวทีหรือนักถ่ายรูปที่มีชื่อเสียงในความฝันคราวหน้า

ตัวแทนธนาคาร


วันนี้โจอ่านบทความเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการเงินของประเทศไทยและได้รู้เรื่องที่ยังไม่เคยรู้ (เกือบจะทุกวันโจจะเช็คข้อมูลเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทย แต่ไม่ได้เห็นเรื่องนี้ได้บ่อยๆ ) ดูเหมือนว่าอีกไม่นาน ระบบ “ตัวแทนธนาคาร” จะเริ่มใช้ที่ไทย และ ร้านค้าทั่วไปที่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งชาติจะสามารถให้บริการทางการเงิน (เช่น ฝากเงิน ถอนเงินเ โอนเงิน เป็นต้น)แทนธนาคารพาณิชย์ได้ ธนาคารแห่งประเทศไทยยังไม่ประกาศว่าใครจะเป็นตัวแทนธนาคาร แต่มีคนคาดการณ์ว่า เซเว่น กับ ไปรษณีย์ อาจจะได้เป็น ตัวแทนธนาคาร หลังจากอ่านบทความนี้ โจเช็คการเปลี่ยนแปลงของจำนวนสาขาของแต่ละธนาคาร เพราะว่าธนาคารพาณิชย์อาจจะปิดให้บริการในบางสาขาโดยในใช้บริการของตัวแทนธนาคารแทน

เดือนธันวาคมของ ปี 2015 จำนวนสาขาของธนาคารพาณิชย์ มี 7,061สาขา แต่ เดือนธันวาคมของ ปีที่แล้ว จำนวนสาขาลดลงมาอยู่ที่ 6,784 สาขา (ธนาคารแต่ละแห่ง เช่น ธนาคารกสิกร ธนาคารกรุงไทย และ ธนชาต ได้ปิดสาขาลงมากกว่า 90 สาขา ) ดูเหมือนว่าธนาคารหลายๆแห่งอยากจะลดค่าใช้จ่ายโดยให้ลูกค้าใช้ ออนไลน์แบงค์กิ้งแทน แต่โจรู้สึกตกใจที่รู้ว่ามีธนาคารบางแห่งที่พยายามเพิ่มสาขาด้วย ได้แค่ธนาคารกรุงเทพกับธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้มีการเปิดสาขาใหม่มากกว่า 20 สาขาเพื่อเพิ่มคุณภาพการบริการ (แม้ว่าค่าบริการจะแพงกว่าบริการออนไลน์ แต่ผู้สูงอายุที่ไม่ค่อยใช้เทคโนโลยีจะคงยังนิยมบริการแบบเดิมต่อไป) ยังมีหลายเรื่องที่รู้สึกสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้ามีโอกาสอยากจะเขียนรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้

การไปทำงานที่กรุงเทพ


*ไม่ได้อัพโหลดราวๆ 1 เดือน



อาทิตย์ที่แล้วโจไปทำงานที่กรุงเทพมา นี้เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีครั้งที่โจไปทำงานที่กรุงเทพ ครั้งนี้ก็ไปเจอกับนักวิเคราะห์เศรษฐกิจและได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนข้อมูลความคิดเห็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทย
ไม่แน่ใจว่าโจมองเศรษฐกิจในแง่ร้ายมากไปหรือไม่ แต่โจรู้สึกว่าคนที่โจเจอหลายคนคิดว่าความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจไทยน้อยกว่าโจคิดที่เอาไว้ เช่นโจถามเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจที่มาจากความไม่แน่นอนของการเมือง เพราะไม่แน่ว่าปีนี้หรือปีหน้า ประเทศไทยอาจจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น แต่กลับไม่มีใครที่รู้ว่าใครจะเป็นนายกและนโยบายทางเศรษฐกิจจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร 

โจรู้ว่ามีคนที่คิดว่ารัฐบาลปัจจุบันจะสร้างพรรคใหม่และพรรคนี้จะชนะ ดันนั้นทั้งการเมืองกับนโยบายก็จะไม่เปลี่ยนแปลงเลย แต่ เราก็ยังไม่แน่ใจว่ารัฐบาลจะสร้างพรรคใหม่จริงๆ และเราไม่รู้ว่าพรรคนี้จะสามารถชนะได้จริงหรือไม่ด้วย แต่ดูเหมือนว่าหลายคนคิดว่านโยบายเกี่ยวกับเศรษฐกิจจะดำเนินต่อไปโดยไม่เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นใคร ทุกคนก็เข้าใจความสำคัญของนโยบาย Thailand 4.0 กับ EEC (Eastern Economic Corridor) และทุกคนให้ความสำคัญของการลงทุนที่มาจากต่างประเทศ นอกจากนี้แล้ว การสร้างกฎหมาย EEC ก็จะป้องกันการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่มาจากการเปลี่ยนรัฐบาลได้ด้วย โจก็เห็นด้วยกับความเห็นแบบนี้ แต่ยังรู้สึกสงสัยกับความเป็นไปได้ในการพัฒนา EEC นิดหน่อยเพราะว่า อัตราการใช้กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยยังไม่สูงและอุปทานของการลงทุนก็ไม่มากเท่าไหร่ (เช่น มีคนบอกว่าตอนนี้ประเทศไทยสามารถผลิตรถยนต์ ราวๆ 2.5-3.0 ล้านคัน แต่ตอนนี้ผลิตแค่ 2.0 ล้านคัน) การลงทุนของอุตสาหกรรมกับเทคโนโลยีใหม่ๆที่ยังไม่มีในประเทศไทย อาจจะเพิ่มขึ้น แต่การลงทุนเกียวกับอุตสาหกรรมที่อยู่แล้วอาจจะไม่ค่อยเพิ่ม นอกจากนี้แล้ว มีความเป็นไปได้ที่การพัฒนา EEC จะช้าลง เพราะว่ารัฐบาลใหม่ไม่สามารถใช้ มาตรการ 44 เพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการพัฒนานโยบายได้ โจจึงไม่แน่ใจว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นเหมือนที่รัฐบาลคิดเอาไว้หรือไม่  ยังมีอีกหลายสิ่งที่จะต้องเรียนรู้  และดีใจที่ได้เข้าใจเศรษฐกิจของประเทศไทยลึกมากขึ้น ถ้าคราวหน้ามีโอกาส อยากจะไปภาคตะวันออกด้วย เพื่อจะได้ศึกษาการพัฒนาของ EEC เป็นอย่างไรบ้าง