Saturday, 22 September 2012

การเปลี่ยนแปลงนโยบายของประเทศอินเดีย



อาทิตย์ที่แล้วรัฐบาลของประเทศอินเดียเปลี่ยนแปลงนโยบายและเรื่องนี้ทำให้หลายคนตกใจ ตั้งแต่ปีที่แล้วเศรษฐกิจของประเทศอินเดียไม่ค่อยดี แต่รัฐบาลกับธนาคารกลางไม่ได้ช่วยเหลือเศรษฐกิจโดยใช้นโยบายการคลังกับนโยบายการเงินเพราะงบประมาณของรัฐบาลมีปัญหาการขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้น(ค่าใช้จ่ายของเงินช่วยเหลือสำหรับดีเซลเพิ่มขึ้นเพราะราคาในตลาดโลกแพงว่าราคาในประเทศ)และธนาคารกลางกลัวว่าการลดลงของอัตราดอกเบี้ยจะทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น
หลายคนบอกว่ารัฐบาลจะต้องช่วยเหลือเศรษฐกิจโดยนโยบายที่ไม่ใช้จ่ายเงินแต่ส่วนใหญ่คิดว่ารัฐบาลปัจจุบันไม่มีความสมัครใจมากพอที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง  พวกเขาก็เลยตกใจที่รู้ว่ารัฐบาลเริ่มเปลี่ยนแปลงนโยบาย
รัฐบาลเพิ่มปรับราคาดีเซลเพื่อทำให้สถานการณ์ของงบประมาณรัฐบาลดีขึ้น นอกจากนี้แล้วรัฐบาลยังได้เปลี่ยนข้อจำกัดเกี่ยวกับการลงทุนของบริษัทข้ามชาติในธุรกิจค้าปลีกกับการบินด้วย(ก่อนหน้านี้ประเทศอินเดียมีข้อจำกัดเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเหล่านี้มาก)  รัฐบาลคิดว่าถ้าบริษัทข้ามชาติมาทำธุรกิจในประเทศ ผลิตภาพจะเพิ่มขึ้นและราคาลดลง (มีคนบอกว่าบริษัทในประเทศไม่ค่อยถนัดเรื่องการส่งและจัดจำหน่ายสินค้า เช่น ราวๆ ๔๐ เปอร์เซ็นต์ของอาหารสดเน่าเสียก่อนอาหารนี้ถูกนำไปวางขาย และทำให้ราคาอาหารแพงมาก)
แต่บางคนกลัวว่าบริษัทขนาดเล็กจะล้มละลายจากการเข้ามาทำธุรกิจของบริษัทข้ามชาติ สำหรับข้อจำกัดเกี่ยวกับการลงทุนในการบิน รัฐบาลหวังว่าการลงทุนของต่างชาติจะช่วยทำให้งบประมาณของรัฐบาลขาดดุลน้อยลงและผลิตภาพเพิ่มขึ้นด้วย( บริษัทการบินของประเทศอินเดียมีหนี้มาก ทำให้ค่าใช้จ่ายรัฐบาลเพิ่มขึ้น)
ดูเหมือนว่าหลายคนคิดว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นเรื่องดีสำหรับเศรษฐกิจอินเดียวันที่รัฐบาลเปิดเผยการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ดัชนีหุ้นก็เพิ่มขึ้นมาก(จริงๆแล้วธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกาก็เปิดเผยนโยบายใหม่ได้แก่ มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณครั้งที่ ๓ในช่วงเดียวกันและหลายคนชี้ให้เห็นว่าเรื่องนี้มีผลกระทบต่อตลาดการเงินในอินเดียมากกว่าการเปลี่ยนแปลงของนโยบายในประเทศอินดีย)
แต่พรรคร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่งไม่ยอมรับนโยบายใหม่และเปิดเผยว่าพวกเขาจะลาออก หลังจากพวกเขาลาออกแล้ว รัฐบาลไม่แน่ใจว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงนโยบายต่อไปได้หรือไม่
โจคิดว่าก่อนจะเริ่มเห็นผลดีของนโยบายเหล่านี้ อาจจะใช้เวลานาน แต่การเพิ่มราคาดีเซลทำให้การลด อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทำได้ยากขึ้น 
  ยังไม่แน่ใจว่าเศรษฐกิจของประเทศอินเดียในระยะสั้นจะดีขึ้นหรือไม่

จำนวนยอดขายของรถยนต์ที่ประเทศอินเดีย



อาทิตย์ที่แล้วที่ทำงาน โจตรวจสอบข้อมูลจำนวนยอดขายของรถยนต์ที่ประเทศอินเดีย
มีคนชี้ให้เห็นว่าเดี๋ยวนี้ยอดขายไม่ค่อยดีเพราะเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ราคาน้ำมันแพง และอัตราดอกเบี้ยกู้เงินก็สูง 
โจยังไม่ได้หารายละเอียดข้อมูลแต่รู้สึกแปลกใจเพราะจริงอยู่ที่เศรษฐกิจเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยดีแต่เมื่อเปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่างยอดขายของรถยนต์กับสถานการณ์เศรษฐกิจ ราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ยกู้เงินในสมัยก่อนแล้ว อัตราการเพิ่มยอดขายในเดี๋ยวนี้น้อยมากเกินไป (โจคิดว่าถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะไม่ค่อยดีแต่ในประเทศกำลังพัฒนาอย่างประเทศอินเดียน่าจะมีอัตราการเพิ่มยอดขายมากกว่า ๓-๕ เปอร์เซ็นต์แต่เดี๋ยวนี้อัตราการเพิ่มยอดขายของรถยนต์น้อยกว่า ๑-๒ เปอร์เซ็นต์)
อยากรู้ว่าทำไมยอดขายไม่ถึงดีอย่างนี้

สุขภาพของพี่สาว



อาทิตย์ที่แล้วพี่สาวบอกให้โจฟังเรื่องที่ทำให้โจรู้สึกตกใจและเสียใจด้วย เขาบอกว่าเขาไปหาหมอมาและตรวจพบว่าเขามีโรคมะเร็งเต้านมและจะต้องรับการผ่าตัดในเดือนตุลาคม
ดูเหมือนว่าคนที่ต้องรับการผ่าตัดสำหรับโรคนี้บางคนเลิกไปเที่ยวในประเทศโดยเฉพาะที่ออนเซน เพราะพวกเขารู้สึกเกรงใจและไม่อยากให้คนอื่นเห็นร่ายการ
โจหวังว่าการผ่าตัดของพี่สาวจะเป็นไปด้วยดีและพี่สาวจะอาการดีขึ้น อยากให้พี่สาวจะไปเที่ยวออนเซนโดยไม่ต้องรู้สึกเกรงใจครอื่น

Monday, 17 September 2012

เศรษฐกิจของประเทศเวียดนาม



วันนี้โจอ่านบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจของประเทศเวียดนาม นอกจากเศรษฐกิจของประเทศไทยกับพม่า โจไม่ค่อยติดตามเศรษฐกิจของประเทศอื่นในกลุ่มอาเซียนและโจคิดว่าสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้ก็ดี

โจก็เลยรู้สึกตกใจนิดหน่อยที่รู้ว่าเดี๋ยวนี้เศรษฐกิจของประเทศเวียดนามไม่ค่อยดี บทความบอกว่าเดี๋ยวนี้นักธุรกิจที่มีชื่อเสียงหลายคนถูกตำรวจจับ(ตำรวจบอกว่าพวกเขาทำผิดกฎหมายแต่ยังไม่บอกรายละเอียดของเรื่องนี้)และเรื่องนี้ทำให้เกิดผลกระทบในทางที่ไม่ดีต่อตลาดการเงิน
นอกจากนี้แล้ว เดี๋ยวนี้การลงทุนที่มาจากต่างประเทศก็ลดลง (การลงทุนของประเทศเวียดนามขึ้นอยู่กับเงินที่มาจากต่างประเทศมาก) สัดส่วนหนี้สูญของธนาคารก็เพิ่มขึ้น 
มีคนบอกว่าสำหรับตลาดการเงินของประเทศนี้ ความช่วยเหลือขอ IMF เป็นสิ่งที่จำเป็น แต่อาทิตย์ที่แล้วประธานของธนาคารกลางบอกว่าประเทศเวียดนามไม่ต้องขอความช่วยเหลือจาก IMF ในบทความนี้นักเขียนไม่บอกว่าสถานการณ์นี้จะแย่ลงต่อไปหรือจะดีขึ้น แต่ดูเหมือนว่าจะเปลียนแปลงสถานการณ์นี้ได้ยาก

Sunday, 16 September 2012

การไปเที่ยวออนเซ็น (บ่อน้ำร้อน) ที่ฮาโกเนะ



วันเสาร์-อาทิตย์นี้โจไปเที่ยวออนเซ็นที่ฮาโกเนะกับเพื่อนสมัยเรียน ๗ คน (หลังจากเรียนจบ มีโอกาสไปเที่ยวกับไปทานอาหารหรือไปพักค้างคืนกับเพื่อน ๒-๓ คน แต่ไม่ได้มีโอกาสไปเที่ยวพักค้างคืนกับทุกคนนานๆ) 
ครั้งนี้โจเป็นคนจัดการการไปเที่ยวเพราะเพื่อนที่ทำงานที่ประเทศโอมานกลับมาญี่ปุ่นราวๆ ๒ อาทิตย์เป็นกรณีพิเศษและเขาบอกให้โจรู้ว่าเขาอยากมีโอกาสไปเที่ยวกับทุกคน โจดีใจมากที่รู้ว่าทุกคนชอบโรงแรมที่โจเลือกให้ (บรรยากาศดีมาก อาหารก็อร่อย และออนเซ็นก็สบายดีมาก)  ครั้งนี้นอกจากทำตัวตามสบายที่
โรงแรมแล้วไม่ค่อยไปเที่ยวที่ไหนเป็นพิเศษ แต่ไปดูปราสาทโอดาวาระที่อยู่ไม่ไกลจากแรงแรม ที่นั่นฝนตกแต่ก็สนุก
เพื่อนที่ทำงานที่โอมานบอกว่าหลังจากทำงานที่ประเทศโอมานเสร็จแล้ว (อาจจะ ๑-๒ ปีหน้า)เขาอาจจะไปทำงานที่ประเทศไทยอีกครั้ง(ก่อนไปทำงานที่ประเทศโอมานเขาเคยทำงานที่กรุงเทพฯ) น่าอิจฉาเขามากที่ได้มีโอกาสอยู่ที่ประเทศไทย
ถ้าเป็นไปได้อยากไปเที่ยวที่ประเทศโอมานกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ระหว่างที่เขายังอยู่ที่นั่น