เมื่อวานนี้โจเข้าร่วมสัมมนาที่ไม่ค่อยเกี่ยวกับเศรษฐกิจมหภาคโดยตรง
(โจตั้งใจเข้าร่วมสัมนานี้เพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ) หัวข้อของสัมมนานี้คือ “AI(Artificial
Intelligence) จะสามารถช่วยการบรรลุ SDGs
(Sustainable Development Goals เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน) ของสหประชาชาติได้อย่างไร ” โจยังไม่สามารถเข้าใจบางเรื่องได้เพราะว่าตัวเองไม่มีความรู้เกี่ยวกับด้านเทคโนโลยีแต่ก็สนุกดีที่ได้ฟังเรื่องด้านอื่น สิ่งที่โจรู้สึกสนใจในสัมมนานี้คือ ความสำคัญของ Moonshot
Thinking (ต้นแบบของการคิดแบบนอกกรอบ)
https://www.hd-wallpapersdownload.com/hd-beautiful-images-of-moon-and-stars/ |
ผู้นำเสนอบอกว่าคนญี่ปุ่นมักจะคิดว่าเราจะสามารถทำอะไรได้โดยคำนึงถึงความเร็วในการพัฒนาเทคโนโลยี AI ในปัจจุบัน ดังนั้นเป้าหมายที่เราตั้งจึงขึ้นอยู่กับสถานการณ์ปัจจุบัน แต่บางครั้งเพื่อที่จะมีความคิดใหม่ดเราควรตั้งป้าหมายก่อนที่จะเริ่มคิดวิธีบรรลุเป้าหมาย
(ตั้งเป้าหมายโดยไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้) การคิดแบบนี้อาจจะสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ๆได้ (ชื่อต้นแบบของวิธีคิดนี้มาจากโครงการการปล่อยกระสวยอวกาศที่ไปดวงจันทร์ ของอเมริกาเมื่อประมาณ 50 ปีที่แล้ว) และวิธีคิดแบบนี้จำเป็นสำหรับบริษัทที่อยากจะสร้างนวัตกรรม
(Larry Page,
CEO ของบริษัท
Google ก็เคยพูดว่า “If you're not doing some things that
are crazy, then you're doing the wrong things” (ถ้าคุณไม่ทำอะไรที่ดูบ้าๆ แสดงว่าคุณกำลังทำผิด)
https://www.investigatingsciences.com/googles-founder-has-these-tips-for-you/ |
โจรู้สึกว่าคนอินเดียอาจจะเหมาะสมกับ Moonshot Thinking
(เช่นพวกเขามีเป้าหมายที่จะหยุดการขายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันก่อน ปี 2030) แต่อาจจะเป้าหมายของพวกเขาใหญ่มากไป (ดูเหมือนว่าพวกเขาอยากจะลองไปดวงพฤหัสบดี
มากกว่าดวงพระจันทร์) ประมาณ 4 เดือนที่แล้ว รัฐบาลอินเดียปรับเปลี่ยนเป้าหมายและประกาศว่าจะใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมันต่อไปหลังปี
http://incrediblethingworlds.blogspot.jp/2016/01/all-about-incredible-india.html |
2030 โจชอบวิธีคิดแบบนี้และทำให้นึกถึง “10th man
rule (กฎของคนที่ 10)”
โจไม่รู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่แ
แต่ โจได้รู้เรื่องนี้ในภาคหนังชื่อ “World War Z”ดูเหมือนว่ารัฐบาลประเทศอิสราเอลเริ่มใช้กฎนี้หลังจาก“สงครามยมคิปปูร์”ของปี 1978 วันยมคิปปูร์ เป็นวันหยุดพิเศษทางศาสนายูดาสและนักการเมืองของรัฐบาลทุกคนคิดว่า
ประเทศอียิปต์กับซีเรียจะไม่เริ่มโจมตีประเทศอิสราเอลในวันนั้น แต่สงครามกลับเริ่มวันนั้นและคนอิสราเอลหลายคนเสียชีวิต
หลังจากนั้นรัฐบาลเริ่มใช้กฎนี้ ในหนัง “คนที่ 10”บอกว่า “If nine of us look at the same information and arrive at the exact
same conclusion, it's the duty of the tenth man to disagree. No matter how
improbable it may seem, the tenth man has to start thinking with the assumption
that the other nine were wrong” (ถ้า 9 ใน 10 คนพิจารณาข้อมูลเดียวกันและได้ข้อสรุปเดียวกัน
คนที่ 10 จะต้องไม่เห็นด้วย แม้ว่าจะดูไม่น่าจะเป็นแบบนั้น แต่คนที่ 10
จะต้องเริ่มคิดโดยคิดว่า 9 คนนั้นคิดผิด)
https://ja.wikipedia.org/wiki/Think_different |
อยากจะรู้ว่าเรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่
No comments:
Post a Comment