Sunday 9 September 2012

การไปทำงานที่กรุงเทพฯ


หลังจากไปทำงานที่พม่าโจไปทำงานที่กรุงเทพฯราวๆ ๑ อาทิตย์ ครั้งนี้ไปสัมภาษณ์เกี่ยวกับผลกระทบของการเพิ่มค่าแรงขั้นตำต่อเศรษฐกิจไทย 
โจรู้สึกตกใจนิดหน่อยที่รู้ว่าคนที่โจไปสัมภาษณ์ทุกคนคิดว่านโยบายนี้จะไม่ทำให้อัตราผู้ว่างงานและอัตราเงินเฟ้อก็เพิ่มขึ้นมาก  หลายคนชี้ให้เห็นว่าเดี๋ยวนี้ค่าแรงเพิ่มขึ้นมากเพราะสังคมไทยขาดแคลนแรงงานและหาแรงงานใหม่ยากมาก บริษัทก็เลยกลัวว่าพนักงานจะย้ายไปทำงานที่บริษัทอื่นที่ให้ค่าแรงสูงกว่าบริษัทของเขา หลายคนก็เลยบอกว่าถึงแม้ว่ารัฐบาลไม่เปลี่ยนค่าแรงขั้นต่ำบริษัทก็จะเพิ่มค่าแรงให้เท่ากับค่าแรงใหม่ตอนนี้ (จริงๆแล้วบริษัทที่เพิ่มค่าแรงเพราะรัฐบาลเพิ่มค่าแรงขั้นตำก็มี แต่กลุ่มนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากนัก)
โจคิดว่ามีความแตกต่างทางความคิดระหว่างคนที่ติดตามสถานการณ์ของบริษัทข้ามชาติที่อยู่ในเมืองกับคนที่ติดตามสถานการณ์ของบริษัทไทยที่อยู่ในต่างจังหวัด มีคนคิดว่าตอนนี้บริษัทไทยขนาดเล็กกับขนาดกลางที่อยู่ในต่างจังหวัดยังสามารถยอมรับการเพิ่มค่าแรงได้ แต่หลังจากรัฐบาลเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็น ๓๐๐ บาทในปีหน้า หลายบริษัทจะไม่สามารถยอมรับผลกระทบนี้ได้แล้วและ สถานการณ์นี้จะเปลี่ยนแปลง(แต่ดูเหมือนว่าเรื่องนี้ไม่ค่อยเกี่ยวกับบริษัทข้ามชาติ) บางคนบอกว่านอกจากนโยบายนี้แล้วโจควรจะตรวจสอบนโยบายอื่นที่เพิ่มรายได้ด้วยเพราะ ปีนี้รัฐบาลปรับเพื่มค่าแรงของพนักงานภาครัฐบาลที่เข้าทำงานเป็นปีแรกและ นอกจากนี้แล้วรัฐบาลยัฃซื้อข้าวจากเกษตรกรในราคาแพงกว่าราคาตลาดด้วย ดูเหมือนว่ารัฐบาลไทยอยากจะเพิ่มค่าแรงมาก
สำหรับอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานที่ค่าแรงถูกมากๆการเพิ่มค่าแรงจะทำให้เกิดผลกระทบในทางที่ไม่ดี บางบริษัทจะล้มละลายหรือย้ายบริษัทไปที่ต่างประเทศ และในระยะสั้นอาจจะเกิดผลกระทบในทางที่ไม่ดีต่อเศรษฐกิจไทย แต่ทุกคนบอกว่าสำหรับการเปลี่ยนแปลง นี้เป็นเรื่องจำเป็นและ การพัฒนาของประเทศไทยในอนาคตจะต้องขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมที่ใช้ความรู้และ เงินทุนมากกว่าตอนนี้
คนที่โจไปเจอ คน ๑ บอกว่าโจควรจะตรวจสอบประวัติศาตร์ทางเศรษฐกิจของประเทศสิงคโปร์ เพราะประเทศสิงคโปร์ก็เคยใช้นโยบายที่เพิ่มค่าแรงมากเพื่อเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมจากอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานที่ค่าแรงถูกไปเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้ความรู้กับเงินทุน อาทิตย์นี้โจอ่านรายงานเกี่ยวกับประเทศสิงคโปร์และเริ่มส่นใจประเทศสิงคโปร์มาก (ยังไม่แน่ใจว่าประเทศไทยเป็นเหมือนประเทศสิงคโปร์หรือไม่) การไปสัมภาษณ์กับหลายคนทำให้โจมีโอกาสที่คิดสิ่งที่ยังไม่เคยคิดและเข้าใจอะไรได้ดีขึ้น อยากติดต่อกับพวกเขาต่อไป
ครั้งนี้โจไปทำงานคนเดียว บางที่อยู่คนเดียวก็ลำบากแต่มีอิสระมาก ในเวลาว่างสามารถไปเจอกับหลายคนได้ (ดูเหมือนว่าบางคนเข้าใจผิดว่าครั้งนี้โจไปเที่ยวมา) ครั้งนี้มีโอกาสไปเดินเล่นหลายที่และรู้สึกว่าในกรุงเทพฯจำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นมาก (ที่โอกมัยก็มีห้างสรรพสินค้าใหม่ที่มีร้านอาหารญี่ปุ่นเยอะ) 
อยากรู้ว่าทำไมร้านเกี่ยวกับญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างนี้

No comments:

Post a Comment