Sunday 11 November 2018

อ่อนไหวต่อเสียงในออฟฟิศมากขึ้น ?


ไม่รู้ว่าความเครียดจากการทำงานทำให้โจอ่อนไหวต่อเสียงมากขึ้นหรือไม่ แต่เดี๋ยวนี้โจรู้สึกว่าเสียงคีย์บอร์ดกับเมาส์ของเพื่อนร่วมงานส่งเสียงดังมาก ปกติที่ออฟฟิศโจพยายามทำงานโดยไม่ให้เกิดเสียงเท่าที่ทำได้ เช่น โจกดคีย์บอร์ดกับเมาส์เบาๆและขยับของเบาๆด้วย  นอกจากนี้แล้ว เมื่อคุยกับเพื่อนร่วมงานมากกว่า 3 นาที โจจะพาเพื่อนร่วมงานไปที่ห้องประชุมหรือโรงอาหารของบริษัท โจทำงานแบบนี้เพราะว่าออฟฟิศของโจเงียบกว่าออฟฟิศของบริษัททั่วไป(บรรยากาศคล้ายกันกับห้องสมุด)และเราสามารถได้ยินเสียงของคนอื่นได้อย่างชัดเจน โจรู้สึกว่าถ้าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังจะทำให้เราไม่มีสมาธิและประสิทธิภาพในงานทำงานก็ลดลงมาก แต่เพื่อนร่วมงานที่พึ้งเข้าร่วมบริษัทกับคนที่ย้ายที่นั่งมาทำงานแถวๆโจทำงานโดยเกิดเสียงดังมาก (รู้สึกกลัวว่าคีย์บอร์ดกำลังจะแตก)
https://pt.slideshare.net/mollyyylovesyou/molly1030/5
ตอนแรกโจทำงานโดยใส่ที่อุดหูและบางทีเมื่อเพื่อนร่วมงานคุยกันนานๆแถวๆโจ โจบอกให้พวกเขาไปที่ห้องประชุม แต่พวกเขายังคงเสียงดังต่อไปและโจค่อยๆรู้สึกเบื่อที่จะต้องอดทนและเบื่อที่จะบอกเรื่องที่บอกไปหลายครั้งแล้วให้เพื่อนร่วมงานฟัง ความเครียดที่มาจากเสียงทำให้โจอ่อนไหวต่อเสียงมากขึ้นไปอีกและรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในวงจรอุบาทว์ ดังนั้นโจจึงตัดสินใจว่าจะทำงานที่อื่นเช่น ร้านกาแฟ บ้านหรือห้องสมุดของมหาวิทยาลัย (แวะออฟฟิศเพื่อเช็คเมล์ เข้าร่วมการประชุมและให้เจ้านายเช็ครายงานเท่านั้น) บางทีร้านกาแฟเสียงดังมากกว่าออฟฟิศแต่เข้าใจว่าตัวเองอดทนได้เพราะว่าตัวเองรู้อยู่แล้วว่าร้านกาแฟเป็นสถานที่แบบนั้น (ถ้าเสียงดังมากไป เมื่อไรก็ย้ายที่นั่งหรือร้านได้ด้วยโจเข้าใจว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่นบางคนก็รู้สึกว่ามีเสียงดัง แต่พวกเขายังไม่กล้าบอกเรื่องนี้ให้คนที่ทำเสียงดังและทำงานโดยอดทนต่อไป (จริงๆแล้วบริษัทของโจไม่มีเวลาจำกัดและไม่ต้องทำงานที่ออฟฟิศทุกวันตั้งแต่ตอนเช้าถึงตอนเย็น แต่หลายคนลังเลที่จะทำงานนอกบริษัท) โจรู้สึกสงสารกับคนที่อดทนกับสถานการณ์ลำบากโดยไม่แก้ไขปัญหาหรือเปลี่ยนสถานการณ์เอง คิดว่าวิธีที่โจใช้ก็ไม่ใช่วิธีดีสุดเพราะว่าไม่ได้แก้ไขปัญหาเลย แต่ยังรู้สึกว่า逃げるは恥だが役に立つ/Nigeru ha haji daga yakuni tatsu (ชื่อของชีรีย์ญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงมาก มีความหมายว่า การหนีเป็นเรื่องน่าอาย แต่ก็มีประโยชน์
https://www.smartbrief.com/original/2017/05/your-office-making-your-employees-less-productive
ดูเหมือนว่านอกจากออฟฟิศของโจแล้ว หลายบริษัทก็มีปัญหาแบบนี้ด้วยเช่นกัน แต่ในสังคมญี่ปุ่นยังไม่มีใครที่มีความกล้ามากพอที่จะออกมาต่อต้านกระแสสังคม เพื่อที่จะทำให้ออฟฟิศสงบเงียบขึ้นและสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการทำงาน อาจจะเพราะว่าหลายคนยังคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กๆและไม่ค่อยสำคัญ แต่โจคิดว่า ちりも積もれば山となる(แม้จะเป็นแค่สิ่งเล็กๆ แต่ถ้าทับถมกันมากก็จะกลายเป็นภูเขาได้) แม้ว่าเรารู้สึกเกรงใจแค่ไหน เราควรจะบอกให้คนเสียงดังรู้ว่าเขาเสียงดังแค่ไหนและรบกวนคนอื่นแค่ไหน ตอนนี้มีคีย์บอร์ดกับเมาส์ที่ไม่ค่อยมีเสียงแล้ว แต่อยากให้เทคโนโลยีพัฒนาอีกและอยากจะให้มีคีย์บอร์ดกับเมาส์ที่ไม่มีเสียงเลย

No comments:

Post a Comment