วันนี้โจอ่านบทความเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายทางการทหารของประเทศที่ติดกับทะเลจีนใต้
บทความนี้บอกว่าค่าใช้จ่ายทางการทหารของประเทศเหล่านี้กำลังเพิ่มขึ้นและแนวโน้มนี้จะดำเนินต่อไปการเพิ่มของค่าใช้จ่ายนี้มาจากปัญหาเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติที่อยู่ในทะเลจีนใต้และเขตเศรษษฐกิจจำเพาะ
(สมัยก่อนประเทศเหล่านี้ไม่ค่อยสนใจทรัพยากรธรรมชาติที่อยู่ที่นี้เพราะอุปสงด์ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศกำลังพัฒนายังไม่ค่อยมากนักและราคาทรัพยากรธรรมชาติก็ยังไม่แพง นอกจากนี้แล้วเทคโนโลยีทางการทำเหมืองแร่ก็ยังไม่ค่อยดีและค่าการทำเหมืองแร่แพงมาก)
แต่ตอนนี้ทุกประเทศกลัวว่าประเทศจีนจะเอาทรัพยากรธรรมชาติที่อยู่ใกล้ๆเขตเศรษฐกิจจำเพาะไปโดยใช้อำนาจทางการทหาร (นอกจากทะเลจีนใต้แล้ว ทะเลจีนตะวันออกก็มีสถานการณ์แบบนี้ด้วย) ทุกคนรู้ว่านอกประเทศจีน ประเทศที่อยู่ติดกับทะเลจีนใต้มีขนาดไม่ใหญ่และมีอำนาจทางการทหาร ที่แข่งกับประเทศจีนไม่ได้(ดังนั้น ประเทศเหล่านี้จะต้องร่วมมือกัน)
โจคิดว่ารัฐบาลญี่ปุ่นตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก เพราะรัฐบาลญี่ปุ่นอยากช่วยประเทศแถบอาเซียนและให้ประเทศเหล่านี้ช่วยญี่ปุ่น แต่กลัวว่าการช่วยประเทศเหล่านี้จะเกิดผลเสียต่อธุรกิจระหว่างประเทศญี่ปุ่นกับจีน
นอกจากนี้ บทความอื่นแสดงให้เห็นว่าการเพิ่มของค่าใช้จ่ายทางการทหารเพิ่มกำไรให้กับสหรัฐอเมริกากับยุโรป(ประเทศอังกฤษกับฝรั่งเศส) เพราะ อาวุธที่ประเทศแถบอาเซียนซื้อส่วนใหญ่มาจากประเทศอเมริกาและประเทศในยุโรป
ยังไม่แน่ใจว่าอะไรจะสามารถเปลี่ยนความคิดของประเทศจีนเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้(ถ้าประเทศจีนไม่เปลี่ยนท่าทีเอง จะมีความเสี่ยงทางธุรกิจในแถบอเซียนต่อไป สถานการณ์นี้ไม่ดีสำหรับทุกประเทศ)
<อ้างอิง>
Military spending in South-East Asia (From The Economist Mar 24th 2012)
Full unclosure (From The Economist Mar 24th 2012)
Big guns (From The Economist Mar 24th 2012)
Not littorally Shangri-La (From The Economist Jun 9th 2012)
Sunday, 25 March 2012
Monday, 19 March 2012
ข้อดีกับข้อเสียของสมาร์ตโฟน
วันนี้โจอ่านบทความเกี่ยวกับข้อดีกับข้อเสียของสมาร์ตโฟนสำหรับนักธุรกิจ
นักเขียนบอกว่าสมาร์ตโฟนทำให้การทำธุรกิจสะดวกมากขึ้น (เราสามารถตรวจเอกสารจากที่ไหนก็ได้) แต่สมาร์ตโฟนทำให้เวลาส่วนตัวลดลงและทำให้เราติดสมาร์ตโฟนด้วย (สมัยนี้หลายคนเช็คเมล์ก่อนไปนอนและหลังจากตื่นนอน และในวันหยุดก็เช็คเมล์บ่อยๆ)
เขาบอกว่า “คนใช้(สมาร์ตโฟน)”กลายเป็น “เจ้านาย” เหมือนกับหนังเรื่อง “The Servant(1963)” (อยากจะดูหนังเรื่องนี้)
นอกจากนี้แล้ว การพัฒนาของเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารทำให้นักธุรกิจ(เจ้านาย)เปลี่ยนแปลงความคิดง่ายและทำให้สมาธิของนักธุรกิจลดลง(เพราะนักธุรกิจจะต้องตื่นตัวต่อการเปลี่ยนแปลงเสมอ) นักธุรกิจบางคนรู้สึกไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่เป็นเวลาทำงานและเมื่อไหร่เป็นเวลาส่วนตัว
นักเขียนบอกว่าสถานการณ์นี้ไม่ดีสำหรับสภาพหัวใจของนักธุรกิจ และเราจะต้องหาวิธีลดข้อเสียของสมาร์ตโฟนโดยไม่ทำให้ความสะดวกลดลง เราสามารถจำกัดการใช้สมาร์ตโฟนในวันหยุดหรือเวลาหลังจากทำงานเสร็จได้ แต่ดูเหมือนว่าวิธีนี้ไม่ได้เป็นวิธีที่ใช้ได้ผลในความเป็นจริง เดี๋ยวนี้บางบริษัทแนะนำให้พนักงานทำงานในออฟฟิศด้วยกันเพื่อลดความจำเป็นของการใช้สมาร์ตโฟนในวันหยุด
(แต่โจรู้สึกแปลกใจเพราะว่าข้อดีของการพัฒนาเทคโนโลยีทางการติดต่อสื่อสารทำให้เราไม่ต้องเจอกันที่ออฟฟิศและมีความยืดหยุ่นมาก ถ้าเราจะต้องทำงานร่วมกันที่ออฟฟิศก็จะไม่สามารถ ใช้ประโยชน์จากข้อดีของการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการสื่อสารได้)
โจคิดว่านอกจากคนที่รับเมล์แล้ว คนที่ส่งเมล์จะต้องจำกัดการส่งเมล์เมื่อเขาส่งเมล์ในวันหยุด (เช่น เขาสามารถส่งได้แค่เมล์ที่มีความสำคัญมากๆเท่านั้น) โจยังไม่มีสมาร์ตโฟนและบางทีก็รู้สึกอยากได้ แต่กลัวว่าถโจจะติดสมาร์ตโฟนและเสียเวลาไปกับการใช้สมาร์ตโฟน
<อ้างอิง>Slaves to the Smartphone (Mar 10th 2012)
Sunday, 11 March 2012
การไปเที่ยวหัวหิน
อาทิตย์ที่แล้วโจไปเที่ยวหัวหินมา(ไปเที่ยวหัวหินเป็นครั้งแรก)
ก่อนโจไปเที่ยวที่นั่นโจคิดว่าโจจะไปเที่ยวแค่ทะเล แต่ได้มีโอกาสไปเที่ยวหลายที่ เช่นโจไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด(เล่นน้ำที่น้ำตกป่าละอูสนุกดี)
ไวน์เนอรี(หัวหิน ฮิลส์ วินยาร์ด ที่นั่นอาคาศไม่ร้อนไม่หนาว สบายดีมาก) เป็นต้นไปเที่ยวแถวภูเขาสนุกดี วิวทะเลก็สวยมากด้วย
นอกจากนี้แล้วโจไปเที่ยวตลาดน้ำ จริงๆแล้วตลาดนี้ไม่เหมือนกันกับที่ที่โจคิดเอาไว้แต่สนุกมากๆ(โจคิดว่าตลาดน้ำคือแบบตลาดน้ำอัมพวา แต่ตลาดน้ำหัวหินไม่มีแม่น้ำจริง มีแค่แม่น้ำเทียม)
โจคิดว่าหัวหินน่าอยู่มากและคุณภาพชีวิตของหัวหินทางการบริโภคก็คล้ายกับญี่ปุ่น(เดี๋ยวนี้โจเคยชินกับชีวิตของภาคอิสาน ก็เลยรู้สึกตกใจมาก)
ที่กรุงเทพฯ ไม่ได้ไปเที่ยวที่ใหม่เป็นพิเศษและทำตัวตามสบาย(ไปเดินเล่นที่ร้านสรรพสินค้าเยอะมาก) โจพักที่โรงแรมที่อยู่ที่ Terminal 21 โรงแรมนี้สะอาดมากๆและสะดวกด้วย (สระว่ายน้ำในโรงแรมสวยดีมาก)
เมื่อโจไปชอปปิ้ง โจได้พจนานุกรมดิจิตอลมาด้วย(อาจจะทำให้การไปเที่ยวในประเทศไทยสะดวกมากขึ้น)
ครั้งนี้ไม่ได้เจอกับคนที่รู้จักบางคน แต่มีโอกาสไปทานอาหารกับเจ้านายที่รู้จักในการไปทำงานที่ประเทศไทยในครั้งที่แล้ว อาหารญี่ปุ่นที่ร้าน “สุ่ยคิน” อร่อยมาก(โจรู้สึกแปลกใจเพราะครั้งนี้มีโอกาสไปทานอาหารญี่ปุ่นเยอะ)
นอกจากนี้แล้วมีโอกาสเจอกับ ลีโอนาโด ดีคาปริโอ ด้วย(จริงๆแล้วเขาไม่ได้เป็นคนจริง เจอกับหุ่นของเขา แต่โจดีใจมาก 555) ยังไม่แน่ใจว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดีใน คราวหน้า ไปเที่ยวหัวหินอีกครั้งก็ดี ไปเที่ยวที่ที่ไม่เคยไป(เช่น เชียงใหม่ เชียงราย เป็นต้น)ก็ดี
แต่ก่อนไปเที่ยวโจจะต้องประหยัดมากเพราะครั้งนี้โจใช้เงินมากไป
Subscribe to:
Posts (Atom)