Monday, 1 April 2013

เงินเยน-เงินบาท



ตั้งแต่ธันวาคมที่ผ่านมา ค่าเงินเยนลดลงมาก เพราะธนาคารกลางเริ่มเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงิน และประธานก็เปลี่ยนด้วย  นอกจากนี้แล้วเงินบาทก็แข็งขึ้น (เพราะ การลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้นมาก)ด้วย ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินเยนต่อเงินบาท ลดลงมาก (สำหรับโจแล้ว เรื่องนี้ เป็นเรื่องไม่ดีเลย...ไปเที่ยวไทยแพงขึ้นมากแล้ว) ราวๆ ๑ ปีที่แล้ว  ๑ หมื่น เยน เท่ากับ ราวๆ ๔ พัน บาท แต่ ตอนนี้ ๑ หมื่น เยน เท่ากับ แค่ ๓ พันบาท

ตอนนี้โจไม่ได้วิจัยเกี่ยวกับตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ก็เลยไม่แน่ใจว่าความคิดของตัวเองถูกหรือไม่ แต่คิดว่า นอกจากโจแล้ว สำหรับเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะบริษัททางการส่งออก เงินบาทตอนนี้แข็งมากไป และคิดว่า  (หวังว่า) ค่าเงินไทยจะลดลง ในอนาคตอีกครั้ง แต่โจคิดว่าสถานการณ์นี้ขึ้นอยู่กับธนาคารกลางไทย
มีคนบอกว่าธนาคารกลางจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง เพื่อทำให้ค่าเงินบาทลดลงและช่วยเหลือเศรษฐกิจ 
แต่บางคนกลัวว่าการผ่อนคลายนโยบายการเงินจะทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงมาก (การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำก็จะทำให้อัตรานี้เพิ่มขึ้นด้วย)  นอกจากอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นแล้ว หลายคนกลัวว่า การผ่อนคลายนโยบายทางการเงินจะทำให้ความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่เพิ่มขึ้นด้วย  โจก็คิดว่าตอนนี้ เศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะฟองสบู่นิดหน่อยแล้ว เพราะ อัตรา จำนวนเงินในเศรษฐกิจต่อ GDP เพิ่มขึ้นมากกว่าตอนวิกฤตต้มยำกุ้ง และ NPL ก็กำลังเพิ่มขึ้นด้วย 

สำหรับธนาคารกลาง การตัดสินใจในการเลือกดำเนินนโยบายเป็นการตัดสินใจที่ยากมาก เพราะถ้าให้ความสำคัญในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อกับการป้องกันความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ในอนาคตมาก ความเสี่ยงภาวะถดถอยของเศรษฐกิจในระยะสั้นจะเพิ่มขึ้น แต่ ถ้าให้ความสำคัญกับสถานการณ์ตอนนี้ และดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป ความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ในอนาคตจะเพิ่มขึ้นต่อไป
โจก็เลยคิดว่าการลดค่าเงินบาทขึ้นอยู่กับสถานการณ์นี้

No comments:

Post a Comment