ตั้งแต่ปีใหม่นี้ธนาคารกลางอินเดียลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ๓
ครั้งเพื่อทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น แต่อัตราขยายตัวของเศรษฐกิจยังไม่เพิ่มขึ้นเลย อาทิตย์ที่แล้วสถิติบอกว่าภาวะเศรษฐกิจของอินเดียในไตรมาสที่
๑ ปีนี้ขยายตัวร้อยละ ๔.๔ อัตรานี้เป็นอัตราต่ำที่สุดตั้งแต่ ไตรมาสที่ ๑ ปี ๒๕๕๑
(หลังจากวิกฤตทางการเงินโลก )
ราวๆ ๓ เดือนที่แล้ว มีคนคิดว่าสถานการณ์นี้จะเริ่มดีขึ้นในปีนี้ แต่
ตั้งแต่ธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา
เปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเลิกมาตรการ QE เร็วกว่าที่คิดเอาไว้ ค่าเงินรูปีได้ลดลงมาก
และ หลายคนเริ่มคิดว่าสถานการณ์นี้อาจจะดำเนินต่ออีกนาน
การลดลงของค่าเงินรูปีไม่ดีสำหรับเศรษฐกิจของอินเดีย เพราะ
ราคาน้ำเขาน้ำมันเพิ่มขึ้นมาก และทำให้การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้น การขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลก็เพิ่มขึ้นด้วย
(เพราะรัฐบาลให้เงินอุดหนุนสำหรับน้ำมัน) นอกจากนี้แล้วการลดลงของค่าเงินรูปีทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นด้วย
และธนาคารกลางไม่สามารถลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ มีคนที่คิดว่าถ้าสหรัฐอเมริกาเริ่มเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน ราคาน้ำมันก็จะลดลง
แต่ดูเหมือนว่า ปัญหาเกี่ยวกับ ประเทศซีเรีย กับ อียิปต์ทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น
เพื่อแก้ไขสถานการณ์นี้ รัฐบาลอินเดียจะ ต้องเปลี่ยนแปลงหลายสิ่ง
เช่นจะต้องลดข้อจำกัดเกี่ยวกับการลงทุนที่มาจากต่างประเทศ สิ่งแวดล้อมในการทำของธุรกิจก็จะต้องดีขึ้นด้วย
ถ้ารัฐบาลไม่สามารถเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้ได้ เศรษฐกิจอินเดียอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย
เมื่อโจตรวจสอบสถานการณ์ของตอนนี้
โจรู้สึกว่าสถานการณ์นี้คล้ายกับเศรษฐกิจในปี ค.ศ ๑๙๙๑ มาก
และโครงสร้างของปัญหาเศรษฐกิจอินเดียไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ ๒๐ ปีที่แล้ว
คิดว่าถ้าตรวจสอบสถานการณ์ของ ๒๐ปีที่แล้วมากกว่านี้อาจจะช่วยการวิจัยของโจ
<อ้างอิง>
India's Economy: How India got its funk (From The Economist Aug 24th 2013)India in trouble: The reckoning (From The Economist Aug 24th 2013)
No comments:
Post a Comment