Saturday, 28 June 2014

การไปทำงานที่กรุงเทพฯ



อาทิตย์ที่แล้วโจไปทำงานที่ไทยมา ครั้งนี้ก็ไปสัมภาษณ์กับหลายคน โจรู้สึกตกใจที่รู้ว่าทุกคนที่โจสัมภาษณ์สนับสนุนรัฐประหาร (หลายคนบอกว่า จริงๆแล้วการเกิดรัฐประหารเป็นเรื่องไม่ดี แต่ยังดีกว่าสถานการณ์เมื่อก่อนดำเนินต่อไปอีก)
http://dusitpoll.dusit.ac.th/polldata/2557/25571402798897.pdf
นอกจากนี้แล้วรู้สึกตกใจที่รู้ว่าทุกคนคิดว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นโดยเร็วมากด้วย โจคิดว่าเศรษฐกิจไทยไม่ค่อยแย่ลงเหมือนที่รายงานหลายฉบับของญี่ปุ่นคิดเอาไว้ และคิดว่าจะค่อยๆดีขึ้น แต่ช้ากว่าคนที่โจสัมภาษณ์คิดเอาไว้ โจไม่แน่ใจว่าจริงๆเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นเหมือนหลายคนคิดเอาไว้หรือไม่เพราะว่าการส่งออกกับยอดขายรถยังไม่เริ่มดีขึ้น  แม้ว่าเศรษฐกิจดีขึ้นเร็ว โจคิดว่าอัตราขยายตัวของ ปีนี้ อาจจะน้อยกว่าหลายคนคิดเอาไว้(ราวๆ 1.5-2.3 เปอร์เซ็นต์)  รู้สึกว่าการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยยาก

Saturday, 14 June 2014

ซีรีส์ Legal High



เดี๋ยวนี้โจมีโอกาสดูซีรีส์ Legal High เรื่องนี้เป็นเรื่องตลกเกี่ยวกับทนายผู้ชายที่นิสัยแปลกกับทนายผู้หญิงที่นิสัยดีและทำงานด้วยกัน ทนายผู้ชายคนนี้เหมือนจะโตแต่ตัวและเห็นแก่เงินด้วย แต่มีความสามารถที่ดีและไม่เคยแพ้คดี ตอนในเรื่องส่วนใหญ่เป็นเรื่องตลกมากและโจรู้สึกว่าถ้าอยู่กับเขา โจจะเหนื่อยจะตายแน่ๆ โจชอบฉากที่เขาโต้ตอบแบบจริงจังในศาล โจชอบฉากที่เขาพูดเกี่ยวกับข้อกฎหมายกับมติมหาชนในคดีที่เกี่ยวกับโทษประหาร  อัยการบอกว่าการตัดสินใจของศาลควรจะพิจารณาร่วมกับความคิดเห็นของประชาชนด้วย  แต่เขาบอกว่าการตัดสินใจของศาลจะต้องเป็นอิสระจากมติมหาชนเพราะว่าบางทีเรามักจะคิดด้วยความรู้สึกมากไปและคิดโดยไม่มีเหตุผล/โดยไม่รู้กฎหมาย
 
ฉากนี้ทำให้โจนึกถึงข่าวของญี่ปุ่นเดี๋ยวนี้  เดี๋ยวนี้มีคดีที่คณะลูกขุนทุกคนตัดสินใจว่าโทษประหารเหมาะสมกับผู้ต้องหา  (ที่ญี่ปุ่นรัฐบาลเลือกประชากรโดยสุ่ม และให้พวกเขาตัดสินใจร่วมกับผู้พิพากษาด้วยเพื่อแสดงความคิดเห็นของประชาชน) แต่ผู้พิพากษาไม่ยอมรับการตัดสินใจนี้และตัดสินให้ผู้ต้องหาจำคุกตลอดชีวิต หลังจากศาลตัดสินบางคนรู้สึกว่าถ้าการตัดสินของศาลไม่เกี่ยวกับการตัดสินใจของคณะลูกขุน ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะใช้ระบบนี้
โจเข้าใจความคิดทนายของซีรีส์นี้ แต่ก็เข้าใจความรู้สึกของหลายคนของคณะลูกขุนด้วย (ก็เลยรู้สึกไม่แน่ใจว่าอะไรถูกอะไรผิด) โจยังไม่ถูกรัฐบาลเลือกให้เป็นคณะลูกขุน แต่คิดว่าถ้ามีโอกาส โอกาสนั้นอาจจะเป็นโอกาสดีที่จะได้คิดเกี่ยวกับกฏหมายกับมติมหาชน (ระหว่างเข้าร่วมคดี เราจะต้องหยุดงาน แต่การเข้าร่วมคดีก็น่าสนใจ)

Friday, 13 June 2014

เศรษฐกิจไทยหลังจากเกิดรัฐประหาร

หลังจากเกิดรัฐประหารที่ไทยแล้ว โจยุ่งขึ้นมากเพราะว่าโจต้องเขียนรายงานพิเศษเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทย (ตีพิมพ์แล้ว แต่อาจจะต้องเขียนรายงานใหม่ด้วย) ไม่รู้ว่าความคิดของตัวเองถูกแค่ไหน แต่โจคิดว่าหนังสือพิมพ์ นิตยสารและทีวี ของญี่ปุ่นเข้าใจผิดเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทย ตั้งแต่ปีที่แล้วรายงานหลายฉบับบอกว่าเดี๋ยวนี้เศรษฐกิจไทยไม่ดีเพราะว่าการเมืองมีปัญหามาก และ ถ้าปัญหาทางการเมืองดำเนินต่อไปเศรษฐกิจจะแย่ลงอีก จึงทำให้การลงทุนจากญี่ปุ่นลดลงและทำให้เศรษฐกิจไทยแย่ลงอีกด้วย


โจคิดว่าพวกเขาไม่ค่อยคิดถึงปัจจัยที่ไม่เกี่ยวกับการเมือง จริงๆแล้วปัญหาการเมืองเกิดผลเสียต่อเศรษฐกิจ แต่นอกจากการเมืองแล้ว มีหลายปัจจัยอื่นที่ไม่เกี่ยวกับการเมืองด้วย ถ้าตรวจสอบสถิติหลายตัว เราจะเข้าใจว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มแย่ลงราวๆ ๖- ๘ เดือนก่อนปัญหาการเมืองลุกลาม(การประท้วงใหญ่ขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา) 

โจคิดว่าเดี๋ยวนี้เศรษฐกิจไทยไม่ดีเพราะว่าการส่งออกไม่ดี และ ยอดขายของรถในประเทศลดลงมากหลังจากนโยบายรถคันแรกเสร็จสีน ปัจจัยเหล่านี้ไม่เกี่ยวกับการเมืองเลย  (ก่อนหน้านี้ แม้ว่ามีปัญหาการเมือง ไม่ค่อยเกิดผลเสียต่อการผลิตในเขตอุตสาหกรรม ถนนระหว่างเขตอุตสาหกรรมกับท่าเรือ )สำหรับผลกระทบต่อตลาดการเงินก็เหมือนกัน ดูเหมือนว่าบางคนคิดว่า ปัญหาการเมือนเกิดผลเสียต่อความมั่นใจของนักลงทุน ราคาหุ้นกับอัตราแลกเปลี่ยนก็เลยลดลงเทียบกับปีที่แล้ว แต่จริงๆแล้วผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงของนโยบายทางการเงินของอเมริกาใหญ่กว่าปัญหาการเมือง) 

โจไม่ค่อยแน่ใจว่าสถานการณ์การเมืองจะดีขึ้นหรือไม่ แต่คิดว่าแม้ว่าปัญหาการเมือนดำเนินต่อไปเศรษฐกิจไทยในระยะสั้นจะไม่ค่อยแย่ลงเหมือนที่รายงานหลายฉบับของญี่ปุ่นคิดเอาไว้ โจคิดอย่างนี้ เพราะว่าการส่งออกค่อยๆดีขึ้น และการลดลงของยอดขายรถก็ค่อยๆหยุดการลดลงของการลงทุนที่มาจากต่างประเทศก็อาจจะหยุด เพราะว่านอกจากเรื่องการเมืองแล้ว ประเทศไทยยังมีสิ่งแวดล้อมที่ดีสำหรับธุรกิจ เช่นคุณภาพโครงสร้างพื้นฐานดี และ อยู่ใกล้ๆกับประเทศกัมพูชา พม่า และลาวที่จะพัฒนาเร็ว
Domestic car sale


Thailand and Malaysia's nominal GDP
แต่ความคิดของโจไม่แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยไม่ต้องแก้ไขปัญหาการเมือง ถ้าไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ในระยะยาว มีความเป็นไปได้ที่บริษัทต่างประเทศจะเปลี่ยนกลยุทธ์ทางธุรกิจในเอเซีย เพราะว่า สิ่งแวดล้อมทางธุรกิจของประเทศอื่นอาจจะดีขึ้นในระยะยาว ไม่แน่ใจว่าตัวเองมองโลกในแง่ดีมากไปสำหรับเศรษฐกิจในระยะสั้นหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่าที่โตเกียวไม่ค่อยมีคนที่คิดแบบโจ  เมื่อจะไปทำงานที่ไทยคราวหน้าอยากจะสัมภาษณ์กับหลายคน