Saturday, 30 March 2013

สังคมอิสลามที่อินเดีย



อาทิตย์ที่แล้วโจอ่านบทความเกี่ยวกับสังคมอิสลามที่อินเดีย (คิดว่าเดี๋ยวนี้โจเขียนแต่เรื่องเกี่ยวกับอินเดียเท่านั่น) บทความนี้บอกว่าจำนวนคนอิสลามของอินเดียกำลังเพิ่มขึ้นอยู่ และเรื่องนี้เริ่มทำให้หลายสิ่งเปลี่ยนแปลง
ตอนนี้อัตราส่วนของคนอิสลามที่อินเดียยังน้อย (ประมาณ ๑๕ เปอร์เซ็นต์  ซึง มีจำนวนมากกว่า ๑๖๐ ล้านคน)  อัตราส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นต่อไปและคนอิสลามจะมีจำนวนมากกว่า ๒๓๐ ล้านคนภายใน ๒๐ ปี
นักเขียนชี้ให้เห็นว่าจำนวนคนอิสลามเพิ่มเร็วกว่าคนศาสนาอื่น เพราะว่า เปรียบเทียบกับศาสนาอื่นสถานการณ์ในการใช้ชีวิตของคนอิสลามที่อินเดียไม่ค่อยดี (อัตราการเกิดกับรายได้ แปรผกผัน) นอกจากนี้ ศาสนาอิสลามไม่สนับสนุนการทำแท้งและการคุมกำเนิดด้วย
บทความนี้บอกว่า สมัยก่อนรัฐบาลไม่ค่อยสนใจคนอิสลามและการทำงานกับการศึกษาของคนอิสลามก็ไม่ดีขึ้นเลย แต่การเพิ่มจำนวนของคนอิสลามกำลังทำให้ความคิดเห็นของรัฐบาลต่อพวกเขาเปลี่ยนไป เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดีและจะป้องกันปัญหาทางศาสนา แต่โจไม่แน่ใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างคนอิสลามและคนฮินดูดีขึ้นหรือไม่ เพราะบทความไม่บอกอะไรเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของความคิดของคนอิสลามต่อคนฮินดูเลย (บทความบอกว่า ความคิดของคนศานาอื่นต่อคนอิสลามเริ่มเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ได้บอกว่าความคิดของคนอิสลามต่อคนฮินดูมีการเปลี่ยนแปลงด้วยหรือไม่)

<อ้างอิง>
India’s Muslims: Growing, and neglected Mar 2nd 2013

Monday, 18 March 2013

อาจารย์ภาษาไทย



อาจารย์ภาษาไทย คน หนื่งที่สอนภาษาให้โจตั้งแต่ ๒ ปีที่แล้วจะกลับไทยสิ้นเดือนนี้ โจไม่อยากเชื่อว่า ๒ ปีผ่านไปแล้ว (รู้สึกว่าเวลาผ่านไปแค่ ๑ ปีเท่านั้น ) ไม่แน่ใจว่าหลังจากโจเรียนกับเขาภาษาไทยของโจเก่งขึ้นมากไหม (เขาสอนเก่ง แต่โจขี้ลืมมาก) แต่เรียนภาษาไทยกับเขาสนุกมาก  
เมื่อไปเที่ยว หรือไปทำงานที่ไทยอยากจะนัดทานอาหารกับเขาอีกครั้ง

Sunday, 17 March 2013

การไปทำงานที่อินเดีย (๒)

ระหว่างโจไปทำงานที่อินเดีย โจไปสัมภาษณ์หลายคน (เช่น นักวิจัยเศรษฐกิจ ผู้จัดการของบริษัท) และฟังความคิดเห็นของพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจอินเดีย รู้สึกว่าทุกเรื่องน่าสนใจ (เมื่อทำงานที่โตเกี่ยว ไม่มีโอกาสปรึกษากับคนที่มีความรู้เกี่ยวกับเศรษฐกิจอินเดีย และรู้สึกไม่แน่ใจว่าความคิดของโจถูกหรือไม่ จริงๆรู้สึกว่าจะไปสัมภาษณ์กับคนที่ทำงานที่นั่นมีความสำคัญมาก)
อย่างที่ ๑ ทุกคนที่โจไปสัมภาษณ์คิดว่าเศรษฐกิจของอินเดียยังไม่เริ่มดีขึ้น หลังจากรัฐบาลเปิดเผยการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับหลายนโยบายเดือนกันยายนที่ผ่านมา บางคนคิดว่าสถานการณ์เศรษฐกิจดีขึ้นแล้ว (เช่นราคาหุ้นสูงขึ้นมาก) แต่บางคนคิดว่าเศรษฐกิจยังไม่เริ่มดีขึ้นและการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ใช้เวลาอีกนาน
ก่อนไปสัมภาษณ์ โจก็คิดว่าเศรษฐกิจยังไม่เริ่มดีขึ้นเพราะอัตราการพัฒนาของสถิติหลายตัวยังไม่ดีขึ้นเลย แต่ไม่ได้มีความเชื่อมั่นว่าความคิดของตัวเองถูก และไม่รู้ว่าคนที่อยู่ที่อินเดียคิดอย่างไรบ้าง ตกใจนิดหน่อยที่รู้ว่าไม่มีคนที่คิดว่าเศรษฐกิจดีขึ้นแล้ว
อย่างที่ ๒ ส่วนใหญ่คิดว่าความรับผิดชอบของอัตราการพัฒนาเศรษฐกิจที่ลดลงขึ้นอยู่กับรัฐบาล ทุกคนชี้ให้เห็นว่าที่อินเดีย อะไรๆก็ใช้เวลานาน เช่น การเปลี่ยนแปลงนโยบาย การได้การอนุญาตเกี่ยวกับธุรกิจกับการกอสร้าง เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศกำลังพัฒนาประเทศอื่น รัฐบาลกลางอินเดียไม่ค่อยมีอำนวจในการอนุมัติเรื่องต่างๆมากนัก (รัฐมีอำนวจมากกว่า) และความแตกต่างในความคิดเห็นระหว่างรัฐบาลกลางกับรัฐบาลท้องดินทำให้สถานการณ์แย่ลง  โจรู้สึกสนใจสถานการณ์นี้มากเพราะโจเคยวิจัยทฤษฏีของการกระจายอำรวจรัฐบาลที่มหาวิทยาลัย และคิดว่ามีผลดีสำหรับประเทศที่มีประชากรมาก
อย่างที่ ๓ มีน้อยคนที่คิดว่าความสำคัญของการส่งออกกับนำเข้าระหว่างอินเดียกับประเทศปากีสถานเพิ่มขึ้น เดี๋ยวนี้โจเขียนรายงานเกี่ยวกับการส่งออกของอินเดียไปประเทศที่อยู่ใกล้อินเดีย และคิดว่าในระยะยาว (๒๐-๓๐ปี) ความสำคัญจะเพิ่มขึ้นมาก คนที่เห็นด้วยกับโจก็มี แต่หลายคนบอกว่าหลายบริษัทยังกลัวความเสี่ยงของประเทศเหล้านั่นมาก(ความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียกับประเทศที่อยู่ใกล้ มีปัญหาโดยเฉพาะประเทศปากีสถาน) 
ทุกเรื่องที่พวกเขาบอกให้โจฟังช่วยเสริมสร้างความเข้าใจของโจมาก และ โจรู้สึกขอบคุณมาก (แต่บางทีฟังไม่ทันเพราะภาษาอังกฤษของคนอินเดียฟังยากมาก นอกจากนี้แล้วพวกเขาพูดเร็วมากด้วย)  





Sunday, 10 March 2013

การไปทำงานที่อินเดีย (๑)



อาทิตย์ที่แล้วโจไปทำงานที่อินเดีย ก่อนจะไปที่อินเดีย โจรู้สึกอึดอัดและไม่ค่อยอยากจะไป เพราะทุกคนที่เคยไปอินเดียบอกแต่เรื่องไม่ดีให้โจฟัง เช่น โจจะท้องเสียแน่ๆ อาหารอินเดียที่เรากินที่โตเกียวอร่อยกว่าอาหารที่โจจะกินที่อินเดีย ถนนสกปรกมาก(อากาศก็สกปรกกว่าประเทศจีน)  คุณภาพบริการแย่  คนขับรถอ่านแผนที่ไม่ได้และไปถึงบริษัทยากมาก เป็นต้น  หลังจากไปทำงานอินเดีย โจรู้สึกว่าบางเรื่องก็จริงและบางเรื่องก็ไม่ค่อยจริง
 สำหรับเรื่องจริง ถนนกับอากาศสกปรกมากโดยเฉพาะที่มุมไบ (ตอนแรกโจคิดว่าที่วิวไม่ชัดนั้นเพราะอากาศไม่ค่อยดี แต่ดูเหมือนว่าวิวไม่ชัดเพราะภาวะมลพิษทางอากาศแย่มาก) นอกจากนี้แล้ว คุณภาพบริการแย่ ยกเว้นที่โรงแรมของนิวเดลี (โจพักโรงแรมที่ราคาแพงกว่าโรงแรมที่โจพักที่กรุงเทพฯ แต่คุณภาพบริการที่กรุงเทพฯดีกว่าทิ่อินเดีย) 
เมื่อโจอยู่ที่ร้านอาหาร   โจรู้สึกว่าคุณภาพบริการที่อินเดียแย่ ดูเหมือนว่าพนักงานแต่ละคนจะแยกงานทำกัน และไม่ช่วยกัน  พนักงานที่รับเงินก็เลยไม่มารับออเดอร์ ถึงแม้ว่าเขาจะสังเกตเห็นว่าโจอยากจะสั่งอาหาร เขาก็ไม่ทำอะไรเลย (แต่โจไม่รู้ว่าใครเป็นคนที่รับสั่งอาหารและรู้สึกว่าบริการแย่มาก)
นอกจากนี้แล้วโจรู้สึกตกใจมากที่โจถูกพนักงานเชิญให้ออกจากห้างสรรพสินค้า เมื่อโจมีเวลาว่างระหว่างการสัมภาษณ์ โจไปเดินดูของที่ห้างสรรพสินค้า ตอนนั้นไม่มีลูกค้าคนอื่นและพนักงานก็เดินตามโจและอธิบายสินค้าให้ฟัง โจรู้สึกเกรงใจจึงบอกพนักงานว่า วันนี้ โจมาดูเฉยๆ และไม่ซื้ออะไร (ถ้ามีของที่น่าสนใจ จะกลับมาที่หลัง)  หลังจากนั้นพนักงานบอกว่า มาที่นี้สิ ตอนแรกโจคิดว่าเขาจะให้โจดูสิ่งที่โจอาจจะรู้สึกสนใจ แต่เขาให้โจไปที่ทางออกและให้โจออก ไม่รู้ว่าการดูของโดยไม่ซื้ออะไรเป็นเรื่องไม่ดีที่อินเดียหรือไม่ แต่โจรู้สึกว่าตัวเองไม่อยากจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง สำหรับเรื่องไม่ค่อยจริง คือ โจไม่ได้ท้องเสียเลยอาจเป็นเพราะโจระวังอาหารมาก อาหารอินเดียก็อร่อยกว่าที่คิดเอาไว้ นอกจากนี้แล้วคนขับรถก็สามารถอ่านแผนที่ได้และโจสามารถไปทุกที่ได้โดยไม่ลำบาก 
ตอนแรกทุกครั้งเมื่อโจเห็นคนอินเดียที่ใส่ผ้าโพกศีรษะโจรู้สึกตกใจนิดหน่อย แต่ก่อนกลับบ้านไม่รู้สึกอะไรเลย รู้สึกตกใจที่รู้ว่าตัวเองเคยชินกับคนอินเดียเร็วกว่าที่คิดเอาไว้ 
ครั้งนี้ไม่สามารถไปเที่ยวสถานที่ที่มีชื่อเสียงอย่างทัชมาฮาล  แต่สามารถไป ๒-๓ ที่ที่มีชื่อเสียงที่อยู่ใกล้ๆ ได้ 
ไม่แน่ใจว่าคราวหน้าจะไปทำงานที่อินเดียอีกเมื่อไร แต่ถ้ามีโอกาส นอกจากงเดลีกับมุมไบแล้ว อยากจะไปต่างจังหวัดอื่นด้วย